Thursday, December 5, 2024
5GNEWS

AIS โชว์ความสำเร็จโรงงานอัจฉริยะ ระบบ AMR บนแพลตฟอร์ม 5G Private Network

AIS 5G Business และพันธมิตรกลุ่มลูกค้าองค์กร โชว์ศักยภาพโครงข่ายอัจฉริยะสู่ Smart Factory ด้วยความสำเร็จของการใช้งานระบบหุ่นยนต์ขนย้ายสินค้าอัตโนมัติ (Autonomous Mobile Robots หรือ AMRs) มาใช้งานจริงบนแพลตฟอร์ม AIS 5G Private Network

ลังจากที่ AIS 5G Business เปิดตัวบริการและโซลูชันที่พร้อมให้บริการและเชื่อมต่อกับภาคอุตสาหกรรม รวมถึงโรงงานภาคการผลิต ด้วยการจับมือกับพันธมิตรที่หลากหลายทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อผลักดันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีให้มีส่วนสำคัญต่อการเสริมขีดความสามารถในทุกกระบวนการทำงาน

ล่าสุดได้โชว์ความสำเร็จการสร้าง Smart Factory ที่เอไอเอส และสมาคมผู้ประกอบการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทย (TARA) ร่วมกันส่งเสริมการเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการไทยโดยการพัฒนาโซลูชันบนเครือข่ายและแพลตฟอร์ม 5G ปลดล็อกขีดความสามารถภาคอุตสาหกรรมไทยให้สามารถแข่งขันกับเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ตอบโจทย์การพัฒนา Industry 4.0 ของไทย

โดยเป็นความสำเร็จของ การใช้งานระบบหุ่นยนต์ขนย้ายสินค้าอัตโนมัติ (Autonomous Mobile Robots หรือ AMRs) ในโรงงานผลิตลวดเชื่อมไฟฟ้าของ บริษัท ยาวาต้า จำกัด จังหวัดนครราชสีมา ที่ได้รับการร่วมพัฒนาโซลูชันและวางระบบโดย บริษัท เลิศวิลัย แอนด์ ซันส์ ผู้ให้บริการโซลูชันหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติสำหรับงานอุตสาหกรรม มาใช้งานจริงบนแพลตฟอร์ม AIS 5G Private Network

ซึ่งเป็นการยกระดับการทำงานภายในโรงงานสู่ Smart Factory ได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยถือเป็นการขับเคลื่อนระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์เชิงพาณิชย์ ฝีมือคนไทย ที่พร้อมขยายการให้บริการและสร้างการเปลี่ยนแปลงในโลกอุตสาหกรรม เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับประเทศรองรับโอกาสและการเติบโตในอนาคต

AIS 5G พาภาคอุตสาหกรรมเข้าสู่ 5G Industrial Solutions
ธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร AIS

ธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร AIS อธิบายว่า “เราเห็นโอกาสของการเติบโตในภาคอุตสาหกรรมด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้วยการเป็น 5G Industrial Solutions ซึ่งที่ผ่านมาเราได้ทุ่มเทสรรพกำลังในการพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถของโครงข่าย 5G”

“ด้วยเป้าหมายสำคัญในการนำโครงข่ายอัจฉริยะ AIS 5G เข้าเชื่อมต่อและส่งเสริมการดำเนินงานในภาคส่วนต่างๆ เพื่อเป็นรากฐานที่สำคัญต่อการเติบโตของประเทศในอนาคต ซึ่งวันนี้เรามีความพร้อมในการพาภาคอุตสาหกรรมไทยในทุกกลุ่มเข้าสู่โลกของ 5G Industrial Solutions”

“เราเห็นผลที่ชัดเจนจากการทำงานร่วมกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโซลูชันในโรงงานอุตสาหกรรม ในการผลักดันโซลูชันหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติสำหรับงานอุตสาหกรรมให้เกิดขึ้นจริง บนแพลตฟอร์ม 5G Private Network ซึ่งเป็นบริการเครือข่ายส่วนตัวสำหรับการใช้งานเฉพาะภายในพื้นที่โรงงานอุตสาหกรรม

และสามารถทำ Network Slicing เพื่อจัดสรรทรัพยากร ทำให้เกิดคุณสมบัติทางเครือข่ายรองรับความต้องการเฉพาะของแอพพลิเคชัน เช่น ความเร็ว หรือความหน่วงต่ำ”

“ซึ่งการออกแบบเครือข่ายเฉพาะนี้ ยังช่วยให้การเชื่อมต่อข้อมูลเป็นส่วนตัว แม้จะใช้เครือข่ายแบบไร้สาย ส่งผลให้การรับส่งข้อมูลมีความคล่องตัว มีความหน่วงในการทำงานต่ำ และมีความปลอดภัยของข้อมูลสูง จึงเป็นการตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำในตลาดลูกค้าองค์กรและกลุ่มอุตสาหกรรมของ AIS ซึ่งเชื่อว่าการทำงานร่วมกันในครั้งนี้จะช่วยทำให้ Ecosystem ของผู้ประกอบการไทย มีศักยภาพพร้อมรับโอกาสและการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”

สมาคม TARA ช่วยหนุนผู้ประกอบการ
ดร.ประพิณ อภินรเศรษฐ์ นายกสมาคมผู้ประกอบการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทย (TARA) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยาวาต้า (ประเทศไทย) จำกัด

ดร.ประพิณ อภินรเศรษฐ์ นายกสมาคมผู้ประกอบการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทย (TARA) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยาวาต้า (ประเทศไทย) จำกัด อธิบายต่อไปอีกว่า “ที่ผ่านมาสมาคมผู้ประกอบการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทยได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรที่หลากหลายทั้งภาครัฐ และเอกชน

โดยมีภารกิจสำคัญในการสนับสนุนผู้ประกอบการ ในการวิจัย พัฒนาจนถึงการต่อยอดความร่วมมือเชิงพาณิชย์ และส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมเห็นความสำคัญของระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ที่จะมาทำให้ขีดความสามารถในโรงงานภาคการผลิตมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่”

“และในครั้งนี้เรายินดีที่ได้ร่วมมือกับ AIS ที่เป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีโครงข่ายและมีเป้าหมายเดียวกันในการยกระดับศักยภาพของกลุ่มผู้ประกอบการโรงงานการผลิตในภาคอุตสาหกรรมให้มีความได้เปรียบทางการแข่งขัน

ก้าวทันโลกของเทคโนโลยีด้วยโซลูชันและระบบการทำงานอัตโนมัติรวมถึงหุ่นยนต์ ที่จะมาช่วยให้กระบวนการทำงานในขั้นตอนต่างๆ ภายในโรงงานเกิดประสิทธิภาพที่เพิ่มสูงขึ้น”

“วันนี้ ผู้ประกอบการไทยในสมาคมได้ทำการวิจัย ค้นคว้า พัฒนา ระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์และโซลูชันที่ตอบโจทย์การทำงานของโรงงานผลิตที่หลากหลาย ซึ่งแน่นอนว่าเครือข่าย 5G ที่ AIS ได้พัฒนาขึ้นสามารถใช้งานได้จริงแล้วในเชิงพาณิชย์ ผ่านการทำงานร่วมกับ เลิศวิลัย ที่ได้นำโซลูชันเข้าไปสร้างการเปลี่ยนแปลงในกระบวนการผลิตของโรงงานยาวาต้าที่ทำงานบนเครือข่าย 5G จึงนับว่าเป็นก้าวสำคัญของวงการอุตสาหกรรมไทยที่จะเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 เดินหน้าแข่งขันในตลาดโลกต่อไป”

Autonomous Mobile Robots เข้าแทนที่ Forklift Truck

บริษัท ยาวาต้า (ประเทศไทย) เป็นบริษัทผู้ผลิตลวดเชื่อมไฟฟ้ารายใหญ่ของประเทศไทย ซึ่งดำเนินธุรกิจมากว่า 50 ปี ซึ่งบริษัทปรับเปลี่ยนตัวเองตลอด โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการ ลดต้นทุน ลดความเสี่ยงของอุบัติเหตุต่างๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่โรงงาน

และการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรโดยการใช้เทคโนโลยีและ 5G นี้ ยังได้เข้าเกณฑ์ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีนิติบุคคล 100% ของวงเงินการปรับปรุงเป็นเวลา 3 ปี ตามมาตรการสนับสนุนจาก BOI ด้วย

หนึ่งในการปรับปรุงเครื่องจักร คือ การนำระบบหุ่นยนต์ขนย้ายสินค้าอัตโนมัติ (Autonomous Mobile Robots หรือ AMRs) เข้าใช้งานแทนระบบเก่าที่ใช้คนและรถขนย้าย (Forklift Truck) แบบเดิม โดยได้รับการพัฒนาหุ่นยนต์ และติดตั้งระบบ จาก บริษัทเลิศวิลัย แอนด์ ซันส์

ดร.กุลฉัตร เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ผู้จัดการแผนกวิจัยและพัฒนาหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในโรงงาน จาก บริษัทเลิศวิลัย แอนด์ ซันส์

ดร.กุลฉัตร เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ผู้จัดการแผนกวิจัยและพัฒนาหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในโรงงาน จาก บริษัท เลิศวิลัย แอนด์ ซันส์ กล่าวว่า “โซลูชันที่เกิดมาจากการพัฒนาโดยการสนับสนุนและทำงานร่วมกันจากทางสมาคมฯ และ AIS ได้เกิดการใช้งานจริงภายในโรงงานของยาวาต้า ซึ่งเป็นโรงงานผลิตลวดเชื่อมไฟฟ้าที่มีกระบวนการผลิตค่อนข้างซับซ้อนในการเคลื่อนย้ายวัตถุดิบแต่ละจุด”

“จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าระบบ Autonomous Mobile Robots หรือ AMRs ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ขนย้ายสินค้าอัตโนมัติซึ่งต้องเคลื่อนที่อย่างอิสระในพื้นที่ทั้งหมดของโรงงานโดยไม่มีเส้นนำทางบนพื้นเหมือนระบบเก่า จึงต้องการการเชื่อมต่อไร้สายที่เสถียร มีความหน่วงต่ำ มีความปลอดภัยสำหรับการรับส่งข้อมูล และมีพื้นที่ครอบคลุมอย่างแท้จริงในโรงงาน”

“เมื่อนำมาใช้กับ AIS 5G Private Network ก็สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดความแม่นยำในการสั่งการ สามารถเพิ่ม Productivity ได้ตามเป้าหมายการเป็น Smart Factory เต็มรูปแบบ และเมื่อนำมาเทียบความคุ้มค่าของการลงทุน พบว่าระบบ AMR มีต้นทุนที่ถูกกว่าในระยะยาว”

Replacce Forklift Truck with AMR
AMR Cost Year1 Year2 Year3
1,500,000
Forklift Truck 1,000,000 1,000,000
1 driver (day/night) 4000,000 4000,000 4000,000 4000,000
Total 1,400,000 1,800,000 2,200,000
ที่มา: บริษัท เลิศวิลัย แอนด์ ซันส์

“อีกทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาโซลูชัน Smart Factory ซึ่งทุกองค์ประกอบ เช่น Robotics, AMR และ PLC ของระบบ IIoT จะต้องเชื่อมต่อกันผ่าน OT, IT และ Cloud ในรูปแบบ Everything Connected เพื่อเปลี่ยนแปลงภาคอุตสาหกรรมไทยให้เห็นความสำคัญของเทคโนโลยีที่จะมาช่วยเพิ่มศักยภาพของการทำงานมากยิ่งขึ้นได้”

ความแตกต่างที่ท้าทายของ 5G Private Network

ในการร่วมเป็นพันธมิตรสร้างบริการ 5G มีความท้าทายในหลายๆ เรื่อง ที่ทั้งสามหน่วยงานต้องเผชิญ โดยเฉพาะในขณะการปฏิบัติงานจริง โดย ดร.กุลฉัตร กล่าวในมุมของผู้วางระบบว่า “ในการทำ 5G Private Network ประกอบไปด้วยหลายๆ เทคโนโลยี ซึ่งเป็นหนึ่งประเด็นของความท้าทายอันเกิดจากอุปกรณ์เครือข่ายที่แตกต่างหลากหลาย ผู้วางระบบจะต้องหาวิธีการที่ดีที่สุดในการเชื่อมต่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด แต่ในท้ายที่สุดเราก็สามารถหาวิธีที่ดีที่สุดในการเชื่อมอุปกรณ์เหล่านั้น จนเกิดเป็นองค์ความรู้”

ดร.ประพิณ เสริมว่า “สิ่งสำคัญที่สุด ซึ่งถือว่าเป็นความท้าทายในการร่วมพัฒนาโซลูชัน 5G เพื่อก้าวสู่โรงงานอัจฉริยะ คือวิสัยทัศน์และความร่วมมือตั้งแต่ระดับบริหารจนถึงระดับปฏิบัติงาน โดยเฉพาะการสร้างความพร้อมในการบริหารจัดการ มีความยืดหยุ่นและเปิดกว้าง ยาวาต้า ในฐานะผู้ใช้เทคโนโลยีต้องอำนวยความสะดวกให้กับทีมงานในการติดตั้งระบบให้มากที่สุด เพื่อความสำเร็จร่วมกัน”  

ขณะที่ ธนพงษ์ กล่าวว่า “เอไอเอสในฐานะผู้ให้บริการเครือข่าย เห็นว่า การทำงานระดับองค์กรที่มีวัฒนธรรมต่างกัน เป็นความท้าทายที่แต่ละองค์กรต้องยอมรับความต่าง”

“เทคโนโลยีไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่การมองหาวิธีที่ดีที่สุดในการเชื่อมต่ออุปกรณ์และเทคโนโลยีให้สอดรับกับความต้องการของผู้ใช้จริง ลงมือวางระบบให้เร็วและมีประสิทธิภาพ คือความท้าทาย สิ่งเหล่านี้เป็นองค์ความรู้ที่พาร์ทเนอร์ต้องมีความเชี่ยวชาญ ทำงานบนมาตรฐานต่างๆ สร้างองค์ความรู้ในการเชื่อมต่อ ความร่วมมือ ด้วยความสามารถของบุคลากร”

“ความท้าทายดังกล่าว เมื่อเราสามารถแก้ไขได้ก็เปลี่ยนไปเป็นองค์ความรู้ ซึ่งหมายความว่าการลงมือปฏิบัติกับโรงงานแห่งที่สองจะเร็วขึ้น เกิดความสามารถ ความชำนาญ นี่คือการให้บริการโซลูชัน 5G ที่ใช้ได้จริง”

ย้ำความปลอดภัย 5G สำหรับอุตสาหกรรม

เรื่องการรักษาความปลอดภัยในระบบ 5G ที่นำมาใช้กับภาคอุตสาหกรรมนั้น ธนพงษ์ ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้โดยกล่าวว่า “การรักษาความปลอดภัยเครือข่าย 5G สำหรับภาคอุตสาหกรรม เอไอเอได้วางแนวทางไว้ 3 ชั้นด้วยกัน โดย ชั้นแรกคือ เครือข่ายหลัก 5G ที่เอไอเอสมีการคัดเลือกซัพพลายเออร์อุปกรณ์ 5G ที่ผ่านเกณฑ์ความปลอดภัย 5G ระดับโลก ทำให้สามารถมั่นใจถึงอุปกรณ์เครือข่ายที่นำมาใช้งาน”

“ชั้นที่สองคือ ความปลอดภัยในการทำยูสเคส 5G ที่จะต้องเลือกพาร์เนอร์ที่มีนโยบายและมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยได้เกณฑ์มาตรฐาน สร้างความปลอดภัยให้การเชื่อมต่อจากในเครือข่าย 5G ไปยังนอกเหนือเครือข่ายที่เชื่อมต่อกันอยู่ไม่ว่าจะบนคลาวด์ หรือเครือข่ายปลายทาง”

“ส่วนในชั้นที่สาม คือ เรื่องบริการด้านซีเคียวริตี้ ที่เอไอเอสจับมือร่วมกับพาร์ทเนอร์มาสร้างบริการด้านความปลอดภัยให้ลูกค้าองค์กร เป็นโซลูชันที่ให้บริการเสริมความมั่นใจด้านการรักษาความปลอดภัย ที่เอไอเอสสามารถให้บริการลูกค้าได้แบบเอ็นทูเอ็น” ผู้บริหาร กล่าวสรุป