Friday, April 26, 2024
CybersecurityProductsTechnology

พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ เปิดตัว PAN-OS 10.2 Nebula ที่ผสานเทคโนโลยี Deep Learning

พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ เปิดตัว PAN-OS 10.2 Nebula ที่ผสานเทคโนโลยี Deep Learning เป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรม พร้อมเปิดตัว Next-Generation Firewall รุ่นที่ 4 คือ PA-3400 และ PA-5400 ที่นำแมชชีนเลิร์นนิ่งมาขับเคลื่อนการทำงาน

าโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ เปิดตัวซอฟต์แวร์ใหม่ PAN-OS Nebula เพื่อต่อสู้กับกับการโจมตีทางไซเบอร์ที่หลบซ่อนตัวได้มากขึ้น การใช้ช่องโหว่ที่ไม่รู้จักมาก่อน (zero-day) เพื่อทำลายเครือข่ายองค์กร

พร้อมกันนี้ ได้เปิดตัวอุปกรณ์ไฟร์วอลล์รุ่นที่ 4 เป็นแพลตฟอร์มรักษาความปลอดภัยเครือข่าย (NGFW) PA-3400 และ PA-5400 ที่ผสานเทคโนโลยีแมชชีนเลิร์นนิ่งในการทำงาน ซึ่งช่วยยกระดับประสิทธิภาพความปลอดภัยได้ดีขึ้นถึง 3 เท่าจากรุ่นก่อน ช่วยปกป้องความปลอดภัยบนไซเบอร์เป็นพิเศษให้กับศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ เครือข่ายอินเทอร์เน็ต และแคมปัส

PAN-OS 10.2 Nebula ที่ผสานเทคโนโลยี deep learning

PAN-OS เวอร์ชัน 10.2 Nebula มีคุณสมบัติในการรวบรวม วิเคราะห์ และตีความ ความเป็นไปได้ของภัยคุกคามที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน แบบเรียลไทม์โดยใช้การเรียนรู้เชิงลึก (deep learning) และคำนึงถึงความปลอดภัยของเครือข่ายเป็นอันดับแรก ส่งผลให้การป้องกันภัยคุกคามเร็วขึ้น 6 เท่าและตรวจพบภัยคุกคามที่หลบเลี่ยงได้มากขึ้น 48% ให้ประสิทธิภาพที่เหนือกว่ารุ่นที่เคยเปิดตัวมาก่อน

ดร.ธัชพล โปษยานนท์ ผู้อำนวยการ บริษัท พาโล อัลโต เน็ตเวิร์ค ประเทศไทย และอินโดจีน

นอกจากนี้แล้ว รุ่น Nebula มาพร้อมกับเทคโนโลยีเอไอในการปฏิบัติการ (AIOps) บริการรักษาความปลอดภัยลำดับที่ 10 ของพาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ และบริการการปกป้องภัยคุกคามขั้นสูง (Advanced Threat Prevention) ใหม่

พร้อมทั้งปรับปรุงการบล็อคเว็บไซต์ขั้นสูง (Advance URL Filtering) การเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ระบบโดเมนเนม (DNS Security) การรักษาความปลอดภัยสำหรับอุปกรณ์ IoT (IoT Security) และบริการความปลอดภัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ดร.ธัชพล โปษยานนท์ ผู้อำนวยการประจำประเทศไทยและอินโดจีนของ Palo Alto Networks กล่าวว่า “การดำเนินงานด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์กำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ มากขึ้นทุกวันนับตั้งแต่การแพร่ระบาดใหญ่

ทั้งนี้ ศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ประเทศไทย (ThaiCERT) เผย รายงานสถิติภัยคุกคาม จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด 2,069 กรณี ในปี 2564 พบว่าปัญหาของช่องโหว่ด้านการรักษาความปลอดภัย (Vulnerability) มาเป็นอันดับ 1 ของการโจมตี คิดเป็น 32.6% ของการโจมตีทั้งหมด

สถิติภัยคุกคาม ประจำปี พ.ศ. 2564 (ThaiCERT)

ที่มา: ThaiCERT

“ปีที่ผ่านมา หลายองค์กร รวมทั้งภาครัฐ ต้องเผชิญกับเหตุการณ์การละเมิดข้อมูล การทำงานจากระยะไกลกลายเป็นความปกติใหม่ การรับมือกับภัยคุกคามเหล่านี้ต้องใช้แนวทางใหม่ โดย เราได้นำแนวทางใหม่นั้นมาใช้กับ Next-Generation Firewalls ที่ขับเคลื่อนด้วยแมชชีนเลิร์นนิ่ง โดยใช้ประโยชน์จากพลังการประมวลผลของระบบคลาวด์เพื่อเปิดใช้งานการเรียนรู้เชิงลึก เราเชื่อว่า นี่คือ วิธีการรักษาความปลอดภัยเครือข่ายทั้งหมดในอนาคต”

การเปิดตัวนวัตกรรมบริการรักษาความปลอดภัยครั้งประกอบด้วย

Advanced Threat Prevention: ระบบป้องกันการบุกรุก (IPS) ที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม ซึ่งนำการวิเคราะห์ความปลอดภัยจาก “ออฟไลน์” สู่ “อินไลน์” โดยใช้การประมวลผลบนคลาวด์สำหรับเอไอ และเทคนิคการเรียนรู้เชิงลึก โดยไม่สูญเสียประสิทธิภาพของการป้องกันการบุกรุกขั้นสูง (Advanced Threat Prevention)

สามารถตรวจจับการโจมตีแบบสั่งและควบคุม (C2) ที่ไม่รู้จัก และกำหนดเป้าหมายได้ครอบคลุมหลากหลาย รวมถึงการโจมตีแบบหลบเลี่ยงจากเครื่องมือต่างๆ เช่น เครื่องมือ Cobalt Strike

AIOps: เทคโนโลยีเอไอในการปฏิบัติการ (AIOps) ใหม่ใช้แมชชีนเลิร์นนิ่งในการคาดกาณณ์การโจมตีได้สูงสุดถึง 51% ก่อนที่จะโจมตีไฟร์วอลล์ นอกเหนือจากนี้แล้ว ด้วยการวัดและส่งข้อมูลทางไกลจากการปรับใช้มากกว่า 6,000 ครั้ง ระบบ AIOps สามารถแนะนำแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ในภาพรวมได้

DNS Security: โดยได้รวมการรักษาความปลอดภัยระดับโดเมนเนม (DNS) ช่วยเสริมปราการป้องกันเทคนิคการโจมตีที่ระดับ DNS แบบล่าสุด ซึ่งรวมถึงโดเมนที่มีอายุ ทำให้เป็นโซลูชันการรักษาความปลอดภัย DNS ที่ครอบคลุมที่สุด พร้อมการครอบคลุมภัยคุกคามบน DNS มากกว่าผู้ผลิตชั้นนำอื่นๆ ถึง 40%

Advanced URL Filtering: หรือการกรอง URL ขั้นสูง เสริมการป้องกันการโจมตีประเภทฟิชชิ่ง มัลแวร์เรียกค่าไถ่ และการโจมตีผ่านเว็บ โดยอาศัยการวิเคราะห์ทราฟฟิกของเว็บผ่านเทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึกแบบเรียลไทม์และรองรับเว็บคอนเทนต์ โดยผสานรวมการทำงานไว้ในตัว

ระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับอุปกรณ์ IoT Security 2.0: ลดความซับซ้อนของการมองเห็นอุปกรณ์ IoT และสร้างนโยบายโดยอัตโนมัติในอุปกรณ์ที่มองเห็นและมองไม่เห็นโดยใช้แมชชีนเลิร์นนิ่ง

พร้อมเปิดตัว NGFW รุ่นใหม่

ลี คลาริช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์ของพาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ กล่าวว่า “ด้วยความต้องการแบนด์วิดธ์ที่เพิ่มขึ้นและผู้โจมตีมีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ความต้องการไฟร์วอลล์ของลูกค้าจึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไฟร์วอลล์รุ่นที่ 4 ของพาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ สามารถให้บริการได้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ไม่ว่าลูกค้าจะต้องการปกป้องความปลอดภัยไซเบอร์ให้กับสาขาที่เล็กที่สุด หรือจนกระทั่งศูนย์ข้อมูล แคมปัส หรือเครือข่ายองค์กรขนาดใหญ่”

ไฟร์วอลล์เครือข่ายรุ่นใหม่ (NGFWs) ซีรียส์ PA-3400 และ PA-5400 ป้องกันภัยคุกคามได้รวดเร็วขึ้น และตรวจจับภัยคุกคามที่หลบเลี่ยงได้ดีขึ้น เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า

โดย PA-5400 ซีรี่ส์สามารถตรวจสอบเนื้อหาได้ 7 ครั้งต่อคอร์ และสูงถึง 38 ครั้งสำหรับคอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง PA-3400 ซีรี่ส์มีการตรวจสอบเนื้อหาเกือบ 4 ครั้งต่อคอร์ และสูงถึง 19 ครั้งต่อคอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง

ด้วยการใช้พื้นที่แร็คที่ลดลงสูงสุดถึง 50% และประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น ไฟร์วอลล์รุ่นใหม่เหล่านี้ ช่วยให้โครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีขององค์กร มีความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น