Monday, April 29, 2024
NEWS

NT แถลงผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2566 มุ่งผลักดันเทคโนโลยีดิจิทัลสู่หน่วยงานภาครัฐ

NT

NT แถลงผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2566 มุ่งผลักดันเทคโนโลยีดิจิทัลสู่หน่วยงานภาครัฐ ชูสถานะผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานและดิจิทัลผ่านความเป็นกลาง

NT มุ่งขับเคลื่อนภารกิจผลักดันระบบงานภาครัฐสู่รัฐบาลดิจิทัลผ่านสถานะความเป็นกลางด้านโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมและดิจิทัล เดินหน้ายกระดับระบบคลาวด์กลางภาครัฐต่อเนื่อง เปิดให้บริการ National Single Window เพิ่มความสะดวกเชื่อมโยงข้อมูลหน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจสำหรับการนำเข้า-ส่งออก มั่นใจระบบเคเบิลใต้น้ำเส้นใหม่ ADC คืบกว่า 90% พร้อมหนุน ASEAN Digital Hub

เร่งหลอมรวม CAT และ TOT ให้สมบูรณ์

พันเอก สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ว่า ภายหลังการควบรวมกว่า 2 ปี NT ยังคงอยู่ระหว่างเร่งหลอมรวมศักยภาพของสององค์กรเดิมคือ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือ TOT และ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT เข้าด้วยกันเพื่อลดความซ้ำซ้อนในด้านการลงทุนและใช้ศักยภาพที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยเฉพาะในด้านโครงข่าย สินทรัพย์ และบุคลากร

โดยวางเป้าหมายสำคัญในการผลักดันนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลในฐานะหน่วยงานที่มีภารกิจหลักในการขับเคลื่อนระบบงานภาครัฐไปสู่รัฐบาลดิจิทัล พร้อมกับการพัฒนาและขยายบริการโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมและดิจิทัลผ่านสถานะความเป็นกลาง

เพิ่มพื้นที่การจัดเก็บข้อมูลภาครัฐ

สำหรับความคืบหน้าในการสนับสนุนโครงการที่เป็นนโยบายภาครัฐในครึ่งปีแรกของปี 2566 นั้น พันเอก สรรพชัยย์ฯ กล่าวว่า NT มีหลายโครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ อาทิ โครงการระบบคลาวด์กลางภาครัฐ NT ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการจัดหาทรัพยากรด้านการประมวลผล (Computing Resource) ให้กับภาครัฐในรูปแบบการให้บริการ Cloud Service รองรับหน่วยงานรัฐให้เข้าถึงทรัพยากรด้านคลาวด์มาตรฐานสากล

โดยเพิ่มพื้นที่การจัดเก็บข้อมูลภาครัฐด้วยเทคโนโลยีใหม่ทันสมัยเป็นการขยาย Capacity รองรับการใช้งานภาครัฐที่มีความต้องการสูงขึ้น รวมทั้งได้เพิ่มบริการ Market Place บน GDCC ให้บริการแพลตฟอร์มไอที แอปพลิเคชันใหม่ๆ เพิ่มขึ้น และมองไปในอนาคตที่จะเป็นแพลตฟอร์มกลางที่เปิดให้พันธมิตรทุกรายเข้ามาเชื่อมต่อ

ระบบเคเบิลใต้น้ำที่เตรียมพร้อม ดึงดูดนักลงทุน

โครงการ ASEAN Digital Hub ขณะนี้มีความคืบหน้าในการจัดสร้างระบบเคเบิลใต้น้ำ ASIA Direct Cable (ADC) กว่า 90% คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ ทดสอบระบบฯ รวมถึงส่งมอบสิทธิการใช้งานได้ภายในไตรมาสแรกของปี 2567

โครงการนี้ส่งผลให้จะช่วยดึงดูดความสนใจจากผู้ประกอบกิจการคอนเทนต์ (Content Provider) รายใหญ่เข้ามาตั้งฐานข้อมูลในประเทศไทย โดยเริ่มมีผู้สนใจเริ่มติดต่อเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากประเทศเพื่อนบ้านมีข้อจำกัดด้านทรัพยากร

ธุรกิจ Mobile ที่เริ่มอิ่มตัว

ธุรกิจ Mobile ที่ตลาดลูกค้ารายย่อยมีความอิ่มตัว ผลการดำเนินการของ NT_เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ในส่วนของพันธมิตรมีการปรับลดปริมาณการใช้งานลง จึงทำให้ผลการดำเนินงานในภาพรวมลดลง ส่วนการดำเนินโครงการบริการ 5G นั้นจะมีการให้บริการใน 2 รูปแบบคือ บริการ 5G Retail ที่จะใช้คลื่นความถี่ 700 MHz จะโอนย้ายลูกค้าจากคลื่น 850 MHz ที่จะหมดลงในปี 2568

โดยมีแนวทางในการเพิ่มลูกค้าด้วยการเพิ่มจำนวน Dealer และ บริการ 5G Solution ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ คาดว่าจะสามารถเริ่มเปิดให้บริการได้ในปี 2567

นอกจากนี้ยังมีบริการ Trunked Mobile ที่_NT มุ่งแนวทางที่จะวางโครงข่ายให้ครอบคลุมเพื่อให้หน่วยงานราชการมาร่วมบูรณาการใช้ร่วมกันเพื่อลดความซ้ำซ้อนในการลงทุน โครงข่าย และบุคลากร โดย Trunked Mobile มีรายได้ในปีนี้กว่า 400 ล้านบาทจากเดิมที่มีประมาณ 80 ล้านบาท

ธุรกิจดาวเทียม

ในด้านการบริหารธุรกิจดาวเทียม ที่_NT เป็นผู้ให้บริการดาวเทียมไทยคม 4 บนวงโคจร 119.5E และไทยคม 6 วงโคจร 78.5E ซึ่งใกล้จะหมดอายุการใช้งาน_NT อยู่ระหว่างการเจรจากับภาคีต่างๆ ในการประมูลส่งดาวเทียมดวงใหม่

โดยมองบทบาทของ_NT ในการเป็นหน่วยงานที่บูรณาการการใช้งานดาวเทียมของหน่วยงานภาครัฐทั้งหมดเพื่อไม่ให้ภาครัฐต้องลงทุนเกินความจำเป็น

นอกจากนี้_NT ยังมีการเจรจาความร่วมมือกับพาร์ตเนอร์บริการดาวเทียมวงโคจรต่ำรายต่างๆ โดยเฉพาะ OneWeb ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างสถานีเกตเวย์ที่สถานีดาวเทียมสิรินธร จ.อุบลราชธานี

พร้อมร่วมมือจัดระเบียบสายสื่อสาร

ส่วนการจัดระเบียบสายสื่อสารและนำสายสื่อสารลงท่อร้อยสายใต้ดินนั้น_NT มีความพร้อมที่จะให้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เช่น การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค องค์กรภาครัฐ ผู้ประกอบการโทรคมนาคม ฯลฯ ด้วยท่อร้อยสายสื่อสารใต้ดินซึ่งพัฒนาเป็นระบบ Single Last Mile ที่เชื่อมต่อกับบ้านลูกค้าแล้วครอบคลุมพื้นที่ในเขตเมืองทั่วประเทศ 4,450 กิโลเมตร

ผู้ให้บริการต่างๆ จึงได้รับความสะดวกในการเช่าใช้งานด้วยหลักการ Infrastructure sharing ที่จะช่วยลดการลงทุนในการสร้างและบำรุงสายสื่อสารของโอเปอเรเตอร์ทุกราย โดยสามารถลดต้นทุนจากการเช่าตามที่ใช้จริงและตามระยะเวลาที่มีลูกค้าใช้บริการ และยังมีส่วนร่วมในการช่วยรักษาทัศนียภาพของเมืองให้มีความสวยงามอีกด้วย

ทั้งนี้ ผลประกอบการในครึ่งปีแรกของปี 2566_NT ประมาณการรายได้ 42,447 ล้านบาท รายจ่าย 40,900 ล้านบาท (รวมค่าใช้จ่ายโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด 2,185 ล้านบาท) ขาดทุนสุทธิ 638 ล้านบาท