Tuesday, December 23, 2025
CloudInfrastructureNEWS

นูทานิคซ์ ประกาศเพิ่มความสามารถใหม่ให้ NCP ตอบโจทย์ Sovereign Cloud

Nutanix Cloud Platform

นูทานิคซ์ ขยายขีดความสามารถ ช่วยองค์กร สร้างและบริหารจัดการ Distributed Sovereign Cloud เพิ่มประสิทธิภาพให้กับ Nutanix Cloud Platform คงความสามารถในการรักษาความปลอดภัย การควบคุม และ ความยืดหยุ่นในทุกสภาพแวดล้อม

นูทานิคซ์ ประกาศเพิ่มความสามารถใหม่ให้กับโซลูชัน Nutanix Cloud Platform (NCP) ที่ออกแบบมาเพื่อให้องค์กรมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการปรับใช้และกำกับดูแลโครงสร้างพื้นฐานไอทีบนสภาพแวดล้อมรูปแบบต่างๆ ที่รันทั้งกลุ่มแอปพลิเคชันแบบดั้งเดิม แอปพลิเคชันยุคใหม่ และแอปพลิเคชัน AI 

รวมถึงสภาพแวดล้อมที่ตัดขาดการเชื่อมต่ออย่างสมบูรณ์ (fully disconnected environments) ที่ใช้ผู้ให้บริการคลาวด์ที่นำเสนอบริการที่เป็นอิสระ (sovereign services) หรือใช้งานผสมผสานกันทั้งสองแบบ โดยยังคงจัดการและดำเนินการได้ง่าย ครบจบที่เดียว

ความสามารถใหม่ใน NCP (Nutanix Cloud Platform) ช่วยเพิ่มทางเลือกในการรันและกำกับดูแลระบบโครงสร้างพื้นฐานไอทีได้อย่างยืดหยุ่น ทั้งระบบเซิร์ฟเวอร์ขององค์​กร และบนผู้ให้บริการคลาวด์ ที่มีบริการที่ออกแบบมาสำหรับการเก็บ ประมวลผล และควบคุมข้อมูล ภายในเขตอำนาจและกฎหมายในประเทศ (sovereign services)

ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถมุ่งเน้นไปที่เรื่อง resilience, ความปลอดภัย, การควบคุมระบบ และการบริหารจัดการในระดับ global ได้ดียิ่งขึ้น 

นอกจากนี้ การอัปเดตดังกล่าวยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับแพลตฟอร์มในการรองรับเวิร์กโหลดประเภทคลาวด์เนทีฟและ AI ที่ต้องการความปลอดภัยและการกำกับดูแลที่เข้มงวด ผ่านฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยใหม่ๆ บน Nutanix Kubernetes Platform (NKP) และโซลูชัน Nutanix Enterprise AI (NAI) 

ตอบโจทย์สถาปัตยกรรม Sovereign Cloud

ปัจจุบัน NCP มอบการบริหารจัดการไลฟ์ไซเคิลแบบสอดประสานกัน (orchestrated lifecycle management) ของสภาพแวดล้อมแบบ dark-site หลากหลาย พร้อมตัวเลือกการปรับใช้กับระบบที่ติดตั้งภายในองค์กรต่างๆ สำหรับระบบกำกับดูแลและการควบคุม 

ทั้งนี้โซลูชัน Nutanix Central ที่ช่วยลดความซับซ้อนในการจัดการคลาวด์แบบกระจายศูนย์นั้น สามารถทำงานในสภาพแวดล้อม on-premises ที่ลูกค้าควบคุมได้แล้ว 

นอกจากนี้ Nutanix Data Lens ซึ่งช่วยลดความซับซ้อนด้านความปลอดภัยของข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง การกำกับดูแล และมีความแข็งแกร่งในการต้านทานแรนซัมแวร์ ก็จะสามารถทำงานในสภาพแวดล้อม on-premises ที่องค์กรควบคุมได้ในเร็ววันนี้เช่นกัน

นูทานิคซ์ยังได้ขยายการสนับสนุนระบบนิเวศของพันธมิตร โดยโซลูชัน Nutanix Government Cloud Clusters (GC2) on Amazon Web Services (AWS) พร้อมให้บริการแล้วในขณะนี้ โซลูชันนี้ได้เพิ่มความสามารถให้กับหน่วยงานรัฐบาลกลางในสหรัฐอเมริกาในการสร้างและดำเนินงาน distributed sovereign cloud 

โดย GC2 on AWS จะรักษาการผสานระเบียบการทำงานให้อยู่ภายในสภาพแวดล้อมของหน่วยงานรัฐบาลโดยไม่มี SaaS ภายนอกหรือการแชร์ credentials ช่วยให้คลัสเตอร์ของนูทานิคซ์ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ภายใน Amazon Virtual Private Cloud (Amazon VPC) ของหน่วยงานนั้นๆ

โซลูชัน Nutanix Cloud Clusters (NC2) on Google Cloud พร้อมให้บริการแล้วแก่ลูกค้าใน 17 ภูมิภาคทั่วโลก เพื่อมอบทางเลือกที่ใช้ในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานไอทีให้ทันสมัยเพิ่มเติมให้แก่ลูกค้า 

ทั้งนี้ลูกค้า Region ใหม่ของ Microsoft Azure และ AWS ในสหรัฐอเมริกา จะมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการปรับใช้สภาพแวดล้อมระบบที่สอดคล้องกับความเป็นอธิปไตยและข้อกำหนดระดับภูมิภาค ขณะที่ในยุโรป NC2 พร้อมให้บริการบนคลาวด์ที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ของ OVHcloud

NC2 on Azure และ AWS ล้วนผ่านการตรวจสอบ SOC 2 Type 2 ประจำปี และมีการต่ออายุใบรับรอง ISO 27001, 27017, 27018, 27701 และ 22301 ถือเป็นการยืนยันความมุ่งมั่นในการมอบความมั่นใจแก่ลูกค้าเกี่ยวกับความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนดของบริการคลาวด์ของนูทานิคซ์ 

นอกจากนี้ ในปี 2025 บริการคลาวด์ NC2 on Azure ยังได้รับใบรับรอง CSA Star Level 2 เป็นครั้งแรก การรับรองเหล่านี้เป็นการตรวจสอบอิสระที่ยืนยันว่าการควบคุมของ NC2 ที่สนับสนุนความปลอดภัย ความพร้อมใช้งาน ความลับ และความเป็นส่วนตัวของระบบ ได้ดำเนินการอย่างเต็มประสิทธิภาพ และได้รับการดูแลตามมาตรฐานที่ตรวจสอบสำหรับช่วงปี 2024-2025 

ความสำเร็จเหล่านี้เป็นการยืนยันถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนดของนูทานิคซ์ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าของ NC2 มั่นใจได้มากขึ้นว่าระบบที่นูทานิคซ์บริหารจัดการนั้น เป็นไปตามมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล

NKP จะมีอิมเมจออปชั่น Ubuntu Pro ที่ผ่านการตรวจสอบ FIPS 140-3 และเป็นไปตามข้อกำหนด STIG ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับแพลตฟอร์มสำหรับองค์กรที่มีข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวด รวมถึงองค์กรที่รันเวิร์กโหลด AI ที่มีความละเอียดอ่อนหรืออยู่ภายใต้การกำกับดูแล 

นอกจากนี้ นูทานิคซ์ยังขยายความสามารถในการแยกส่วนตาม VPC (VPC-based isolation), การปรับสมดุลโหลดในเครือข่าย (network load balancing) และการแบ่งส่วนย่อยระดับไมโคร (microsegmentation) ไปยังเวิร์กโหลดที่เป็นคอนเทนเนอร์ (containerised workloads) เพื่อให้ลูกค้าสามารถควบคุมเวอร์ชวลแมชชีนและคอนเทนเนอร์ได้อย่างทั่วถึงสม่ำเสมอและต่อเนื่อง

เมื่อเร็วๆ นี้ มีการเปิดตัว NVIDIA AI Enterprise (NAI) ซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาพิเศษสำหรับภาครัฐ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าที่ใช้ NAI สามารถปรับใช้โมเดล AI ชั้นนำด้วย NVIDIA NIM microservices ที่รันในคอนเทนเนอร์ที่เปิดใช้งาน FIPS และได้รับการปรับแต่งตามมาตรฐาน STIG (STIG-hardened) 

การเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยให้กับ NAI ประกอบด้วยการผสานรวมข้อมูลประจำตัวที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น การควบคุมการเข้าถึงโมเดลแบบละเอียด การบันทึกและการตรวจสอบที่ขยายเพิ่มเติมเพื่อรองรับเวิร์กโหลด AI ที่มีการกำกับดูแล 

นอกจากนี้ NVIDIA NIM microservices สำหรับการตรวจจับและวิเคราะห์ข้อมูลใหม่ ก็ยังได้รับการรับรองและเพิ่มเข้าไปใน NAI อีกด้วย 

ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น เพื่อการทำงานแบบกระจายศูนย์

ความสามารถใหม่ของ NCP ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ลูกค้าสามารถคงความพร้อมใช้งานของแอปพลิเคชันใน sites และ regions ต่างๆ ในระหว่างที่เกิดเหตุขัดข้อง ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสภาพแวดล้อมที่เน้นความเป็นอธิปไตยของข้อมูล ซึ่งต้องหลีกเลี่ยงการพึ่งพาไซต์เดียวหรือผู้ขายรายเดียว และบริหารจัดการความเสี่ยงจากการถูกดำเนินการโดยเขตอำนาจศาลต่างประเทศ

ทีมงานขององค์กรสามารถใช้ตัวเลือกการกู้คืนระบบจากภัยพิบัติแบบแบ่งหลายระดับ (tiered disaster recovery) ที่จะจับคู่ระดับการป้องกันให้เหมาะสมกับเวิร์กโหลดแต่ละชนิด เพื่อเพิ่มความทนทานต่อความเสียหาย และความสามารถที่แข็งแกร่งในการกู้คืนเมื่อเกิดภัยไซเบอร์ ความสามารถใหม่นี้ช่วยให้มั่นใจได้ถึงความต่อเนื่องทางธุรกิจ แม้ในกรณีที่เกิดเหตุขัดข้องในศูนย์ข้อมูลหรือ region สูงสุดสามแห่ง 

ดังนั้น การนำการทำ snapshot บนระบบมัลติคลาวด์ มาผสานเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การป้องกันแบบแบ่งลำดับชั้น (tiered approach) จะเพิ่มเกราะป้องกันอีกชั้นหนึ่งให้กับเป้าหมายด้านความแข็งแกร่งทางไซเบอร์ โดยที่นโยบายความปลอดภัยจะยังคงสอดคล้องกันในระหว่างที่ระบบหยุดทำงาน และมีการย้ายเวิร์กโหลดแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยลดช่องว่างในการดำเนินงานเมื่อมีการเคลื่อนย้ายเวิร์กโหลด

ฟีเจอร์ที่ได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพของโซลูชัน Nutanix Data Services for Kubernetes เหล่านี้ล้วนขยายการป้องกันการกู้คืนความเสียหายแบบซิงโครนัสและอะซิงโครนัสแบบแบ่งระดับ (tiered synchronous and asynchronous) ไปยังคอนเทนเนอร์ที่ใช้ข้อมูลทั้งแบบ block และ file ซึ่งช่วยให้องค์กรบรรลุวัตถุประสงค์ด้านการกำกับดูแล และการปฏิบัติตามข้อกำหนดในการใช้แอปพลิเคชัน Kubernetes ที่ทันสมัย รวมถึงแอปพลิเคชัน AI-native

บริหารจัดการทุกสภาพแวดล้อมทั่วโลกแบบรวมศูนย์

ปัจจุบัน NCP พร้อมนำเสนอความสามารถในการบริหารจัดการที่แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งช่วยยกระดับวิธีการปรับใช้และดำเนินงานของสภาพแวดล้อมแบบกระจายศูนย์ ให้ลูกค้ามีความสามารถในการควบคุมที่สอดคล้องกันมากขึ้นทั้งในไซต์ของตัวเองและผู้ให้บริการคลาวด์ที่เน้นความเป็นอธิปไตยของข้อมูล 

สำหรับส่วนนี้ Nutanix Infrastructure Manager ซึ่งเป็นเครื่องมือออโตเมชันตัวใหม่ จะช่วยปรับปรุงการปรับใช้ระบบ โดยใช้รูปแบบการออกแบบ (design patterns) ที่ผ่านการตรวจสอบและทดสอบอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้ง่ายต่อการตั้งค่าและบำรุงรักษาสภาพแวดล้อมดาต้าเซ็นเตอร์ต่างๆ

ผู้ดูแลระบบสามารถมองเห็นและกำกับดูแลจากส่วนกลางได้ทั่วทั้งเครือข่าย ทั้งในระบบภายในองค์กรและบนพับลิคคลาวด์ ผ่านระบบควบคุมเครือข่ายแบบรวมศูนย์แห่งเดียว ที่ให้มุมมองทั้ง VLANs, เครือข่ายเสมือน และนโยบายด้าน microsegmentation 

นอกจากนี้ การบริหารจัดการสภาพแวดล้อม Kubernetes และ AI จะราบรื่นมากขึ้น เนื่องจากคลัสเตอร์ NKP จะลงทะเบียนเข้าสู่ Nutanix Prism Central โดยอัตโนมัติ เพื่อให้มองเห็นได้ในระดับโครงสร้างพื้นฐานทันที ทั้งนี้ NAI ยังได้มีการเพิ่มแดชบอร์ดเมตริก LLM ใหม่ ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกิจกรรมทั้งคำขอ (request) และโทเค็น ช่วยให้ทีมงานในองค์กรสามารถติดตามตรวจสอบและบริหารจัดการเวิร์กโหลด AI ได้ดีกว่าเดิม

Featured Image: freepik