Friday, April 19, 2024
InfrastructureNEWS

Red Hat เปิดตัว OpenShift Platform Plus เวอร์ชันล่าสุด เพื่อบริหารจัดการการทำงานบนไฮบริดคลาวด์

Red Hat เปิดตัว OpenShift Platform Plus เวอร์ชันล่าสุด เพื่อบริหารจัดการการทำงานบนไฮบริดคลาวด์ให้สอดคล้องกันมากขึ้น ช่วยให้ใช้ Kubernetes stack ได้ง่ายขึ้น เพิ่มความคล่องตัว ครอบคลุมดาต้าเซ็นเตอร์ เอดจ์ ไปจนถึง มัลติพับลิคคลาวด์

ร้ดแฮท อิงค์ เปิดตัว Red Hat OpenShift Platform_Plus รุ่นล่าสุด ที่มาพร้อมฟีเจอร์และความสามารถใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้นจากแพลตฟอร์ม Kubernetes พื้นฐานทั่วไป ให้ตอบสนองการใช้งานด้านสตอเรจ การบริหารจัดการ และอื่นๆ อีกมาก

นับเป็นการยกระดับ Red Hat OpenShift Platform_Plus ให้เป็นแพลตฟอร์ม Kubernetes ที่รองรับความต้องการด้านไอทีขององค์กรได้ครบถ้วนในวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็นดาต้าเซ็นเตอร์แบบดั้งเดิมการทำงานที่ดิสทริบิ้วเต็ดเอดจ์ หรือสภาพแวดล้อมมัลติพับลิคคลาวด์

Red Hat OpenShift Platform Plus ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษเพื่อใช้เป็นแพลตฟอร์มพื้นฐานที่มีความมั่นคงให้กับองค์กรต่างๆ ที่จะช่วยให้องค์กรสามารถกำหนดมาตรฐานด้านไอทีเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

แพลตฟอร์มรุ่นใหม่ล่าสุดนี้ประกอบด้วยเครื่องมือที่จำเป็นในการสร้างปกป้อง และจัดการแอปพลิเคชันต่างๆ ได้ง่ายขึ้นตลอดอายุการใช้งานของซอฟต์แวร์ และใช้ได้กับคลัสเตอร์ Kubernetes ทั้งหมด เทคโนโลยีพื้นฐานที่ได้รับการอัปเดทประกอบด้วย Red Hat OpenShift 4.11, Red Hat Advanced Cluster Management for Kubernetes 2.6 และ Red Hat OpenShift Data Foundation 4.11

แพลตฟอร์มครบวงจรสำหรับเวิร์กโหลดต่างๆ ที่รันอยู่บนไฮบริดคลาวด์

การที่องค์กรต่างๆ ยังปรับขนาดสภาพแวดล้อมในการทำงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการระบบที่มั่นคง สอดคล้องกัน และใช้ได้กับทุกๆ สถานการณ์ที่แตกต่างกันเพิ่มขึ้นตามไปด้วย Red Hat OpenShift 4.11 ที่ทำงานกับรันไทม์อินเทอร์เฟซ Red Hat OpenShift 4.11 และ CRI-O 1.24 ได้รับการออกแบบเพื่อทำให้ใช้ Kubernetes ระดับองค์กรได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะใช้อย่างไรและที่ไหนบนโอเพ่นไฮบริดคลาวด์

Red Hat OpenShift เวอร์ชันล่าสุดช่วยให้องค์กรสามารถติดตั้ง OpenShift ได้โดยตรงจาก marketplace ของผู้ให้บริการพับลิคคลาวด์สำคัญๆ ในตลาด เช่น AWS marketplace และ Azure marketplace ซึ่งจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่องค์กรในการเลือกที่จะรัน OpenShift ตามลักษณะที่ต้องการ และช่วยให้ทีมงานฝ่ายไอทีตอบสนองความต้องการด้านเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องได้ดีขึ้น

ฟีเจอร์และความสามารถใหม่ๆ ของ Red Hat OpenShift 4.11 ประกอบด้วย

  • Pod Security Admission integration: ช่วยให้ผู้ใช้ระบุระดับการแยกระบบต่างๆ ที่แตกต่างกันให้กับ Kubernetes pod ต่างๆ เพื่อช่วยให้ควบคุมลักษณะการทำงานของ pod ได้อย่างชัดเจน สม่ำเสมอ และสอดคล้องกันมากขึ้น
  • Installer Provisioned Infrastructure (IPI) รองรับการใช้งานกับนูทานิคซ์: ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้กระบวนการ IPI เพื่อติดตั้ง OpenShift บนสภาพแวดล้อมเวอร์ชวลไลซ์ของนูทานิคซ์ ได้แบบอัตโนมัติด้วยการคลิกครั้งเดียว พร้อมผสานรวมการทำงานร่วมกัน
  • สถาปัตยกรรมเพิ่มเติมสำหรับแซนด์บ็อกซ์คอนเทนเนอร์ (Sandboxed Container) รวมถึงความสามารถในการรันแซนด์บ็อกซ์คอนเทนเนอร์บน AWS และบน OpenShift แบบซิงเกิลโหนด แซนด์บ็อกซ์คอนเทนเนอร์ใช้เป็นเลเยอร์เพิ่มเติมสำหรับการแยกเวิร์กโหลด แม้กระทั่งที่ส่วนเอดจ์ของเครือข่ายที่อยู่ไกลออกไปก็ตาม
เพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแลและการปฏิบัติตามกฎระเบียบบนสภาพแวดล้อมแบบไฮบริด

ในการจัดการเวิร์กโหลดต่างๆ อาจจำเป็นต้องมีการกำกับดูแลเพิ่มเติม ด้วยเหตุนี้ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการคอนเทนเนอร์ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องที่เอดจ์ Red Hat Advanced Cluster Management 2.6 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Red Hat OpenShift Platform Plus จึงได้เพิ่มเติมฟีเจอร์ใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยปรับปรุงความพร้อมใช้งานในกรณีการใช้งานที่มีลาเทนซีสูงและแบนด์วิธต่ำ

Red Hat Advanced Cluster Management hub cluster เพียงคลัสเตอร์เดียวสามารถใช้และบริหารจัดการคลัสเตอร์ OpenShift แบบซิงเกิลโหนดได้มากถึง 2,500 คลัสเตอร์ ซึ่งสามารถใช้และจัดการที่เอดจ์ของเครือข่ายโดยไม่ต้องกำหนดค่าใดๆ)

นอกจากนี้ Red Hat Advanced Cluster Management 2.6 ยังประกอบด้วยตัวเก็บรวบรวมข้อมูลดัชนีที่เอดจ์ ซึ่งเหมาะสำหรับเวิร์กโหลดแบบซิงเกิลโหนด และเวิร์กโหลดขนาดเล็ก ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการตรวจสอบการทำงานของระบบผ่านการเชื่อมต่อระยะไกล

นอกจากนั้น Red Hat Advanced Cluster Management ยังสามารถทำงานผสมผสานกับเครื่องมือสำคัญๆ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้เวิร์กโฟลว์ที่มีอยู่ได้อย่างยืดหยุ่นมากขึ้น โดยการบูรณาการที่สำคัญได้แก่:

  • การมองเห็นแอปพลิเคชันได้อย่างกว้างขวางโดยอัตโนมัติ รวมถึงสามารถมองเห็นความสัมพันธ์ ของแอปพลิเคชันได้กว้างขึ้น และแสดงให้เห็นแอปพลิเคชันต่างๆ ที่สร้างขึ้นโดยตรงผ่าน OpenShift
  • การจัดการคลัสเตอร์โดยตรงจาก Red Hat Ansible Automation Platform ซึ่งเป็นส่วนของเทคโนโลยีพรีวิว ช่วยให้ผู้ใช้ Ansible สามารถโต้ตอบกับ Red Hat Advanced Cluster Management ได้ในแบบเนทีฟ
  • การบูรณาการเข้ากับ Kyverno PolicySet ซึ่งเป็นส่วนของเทคโนโลยีพรีวิว ช่วยให้ผู้ใช้มีทางเลือกมากขึ้นในการปรับใช้นโยบาย Kubernetes
บริการข้อมูลและที่เก็บข้อมูลถาวร ที่ได้รับการออกแบบมาสำหรับโมเดิร์นเวิร์กโหลด

องค์กรต่างๆ ที่โยกย้ายระบบไปยังไฮบริดคลาวด์ มักจะมีความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการกู้คืนระบบให้กลับสู่ภาวะปกติ ด้วยเหตุนี้ เพื่อช่วยป้องกันปัญหาข้อมูลสูญหายและการหยุดชะงักของธุรกิจในกรณีที่ระบบเกิดล้มเหลว

Red Hat OpenShift Data Foundation 4.11 จึงมี OpenShift API สำหรับการปกป้องข้อมูล โดยสามารถใช้ API ของผู้ให้บริการเพื่อแบ็คอัพและกู้คืนแอปพลิเคชันและข้อมูลที่เฉพาะเจาะจง หรือใช้แอปพลิเคชันการปกป้องข้อมูลที่มีอยู่โดยครอบคลุมไฮบริดคลาวด์ทั้งหมด

นอกจากนั้น Red Hat OpenShift Data Foundation ยังรองรับการตรวจสอบแบบมัลติคลัสเตอร์ผ่านทาง Red Hat Advanced Cluster Management ช่วยให้สามารถตรวจสอบสถานะการจัดการข้อมูลคลัสเตอร์ได้อย่างครบถ้วนจากจุดเดียว โดยครอบคลุมหลายคลัสเตอร์ และยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานด้วยการผนวกรวมการจัดการคลัสเตอร์สำหรับระบบต่างๆ โดยใช้เครื่องมือหนึ่งเดียว