Wednesday, November 12, 2025
AIArticlesColumnistEnergyQuantumSansiri Sirisantakupt

แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่จะเกิดขึ้นในปี 2026

ผู้เขียนมีมุมมองและรายละเอียดที่น่าสนใจต่อแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่จะเกิดขึ้นในปี 2026 ซึ่งถนนทุกสายกำลังเดินไปสู่ การปฏิวัติที่เกิดจาก Agentic AI, การประมวลผลควอนตัม และการใช้พลังงานทางด้านไอทีที่เพิ่มขึ้น ทั้งสามเรื่องล้วนส่งผลกระทบโดยตรงมาที่มนุษย์ ซึ่งจะมีความสำคัญยิ่งกว่าที่เคย

มื่อพูดถึงแนวโน้มสำคัญอันทรงพลังที่สุดแห่งปีที่กำลังจะมาถึง ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กลับมาเป็นหัวข้อหลักอีกครั้ง ซึ่งในปีที่กำลังจะมาถึง ค.ศ.2026 หัวข้อของการสนทนาคงไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ว่า AI จะทำอะไรหรือไม่ทำอะไร แต่ได้กลับไปพูดถึงการปรับตัวเพื่อการเติบโตของเหล่าธุรกิจ, รัฐบาล และเหล่าผู้เกี่ยวข้อง 

เมื่อขอบเขตและขนาดของการเปลี่ยนแปลงนั้นได้เริ่มก่อตัวขึ้น (Begins to coalesce) เทคโนโลยีอื่นๆ จะมีบทบาทของตัวเอง แต่ไม่มีเทคโนโลยีใดที่ไม่ได้รับผลกระทบจาก AI 

ดังนั้นแนวโน้มสำคัญที่ผู้เขียนได้ระบุไว้ในที่นี้ คงไม่ได้มุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีใดเทคโนโลยีหนึ่งโดยเฉพาะ แต่มุ่งเน้นที่ผลกระทบที่เทคโนโลยีเหล่านั้นจะมีต่อชีวิตของเราและการเปลี่ยนแปลงที่เทคโนโลยีเหล่านั้นจะนำมา ซึ่งไม่เกิดขึ้นอย่างโดดเดี่ยว 

และ AI จะเป็นตัวเชื่อมสิ่งเหล่านั้นเข้าด้วยกันอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งหมดคือแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่จะเกิดขึ้นในปี ค.ศ.2026 ถูกขับเคลื่อนโดยปัญญาประดิษฐ์แบบตัวแทน (Agentic AI), การประมวลผลควอนตัม, การใช้พลังงานทางด้านไอที และการมุ่งเน้นที่ทักษะของมนุษย์ 

โดยผู้เขียนมีมุมมองและรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้

การปฏิวัติที่เกิดจาก Agentic AI

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา มนุษย์เราปรับตัวให้เข้ากับการใช้ AI เพื่อประหยัดเวลาและขจัดงานที่ซ้ำซากจำเจ ซึ่งช่วยให้มนุษย์ทำงานได้อย่างชาญฉลาดและปลอดภัยยิ่งขึ้น สิ่งสำคัญที่เกิดขึ้น

ในวงการเทคโนโลยีคือ Agentic AI เป็นคำยอดนิยมในปี ค.ศ.2025 อย่างไม่ต้องสงสัย แสดงให้เห็นวิวัฒนาการที่สำคัญกว่าแอพพลิเคชัน AI ก่อนหน้า เช่น Chatbots และ Generative AI ความท้าทายเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงความท้าทายทางเทคโนโลยีเท่านั้น แต่รวมถึงความท้าทายทางสังคม, มนุษย์เป็นศูนย์กลาง และจริยธรรมด้วย 

บทความโดย: น.อ.สรรสิริ สิริสันตคุปต์ นักวิชาการกองทัพอากาศ เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการรักษาความมั่นคงปลอยภัย ด้านอวกาศและไซเบอร์

ความสำเร็จในปีหน้า ค.ศ.2026 จะหมายถึง การไม่ต่อต้านหรือหวาดกลัวการเปลี่ยนแปลงของ AI แต่หมายถึงการคิดใหม่ว่าเราที่เป็นมนุษย์จะทำอะไรได้บ้างด้วยโอกาสที่ AI สร้างขึ้น แทนที่จะให้แค่ตอบคำถามและสร้างเนื้อหาแต่ Agentic AI จะลงมือทำงานแทนเรา และในปี ค.ศ.2026 สิ่งนี้จะกลายเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้

บ่อยและเป็นเรื่องที่ปกติในชีวิตประจำวัน โดยมีตั้งแต่การตัดสินใจทางธุรกิจแบบอัตโนมัติไปจนถึงการจัดการและประสานตารางเวลาที่วุ่นวายในครอบครัว ด้วย Agentic AI จะจัดการกับ งานที่ยุ่งเหยิง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการวางแผนและการแก้ปัญหา ทั้งนี้มันได้ช่วยให้เราที่เป็นมนุษย์มีอิสระในการมุ่งเน้นไปที่ภาพรวม หรือเพียงแค่ใช้ชีวิตอย่างช้าลงและมีความสุขกับชีวิต 

ในบทความ AI’s Shocking Pivot: From Work Tool To Digital Therapist And Life Coach ของ เบอร์นาร์ด มาร์ นักอนาคตศาสตร์ผู้ทรงอิทธิพลและมีชื่อเสียงระดับโลก ได้พยากรณ์ไว้ว่า ในปีหน้า ค.ศ.2026 เราจะได้เรียนรู้ กับวิธีการหรือการเจาะจงงานที่เครื่องจักรสามารถช่วยเราได้ และจะตัดสินใจได้ดีขึ้น

โดยสามารถไว้วางใจให้เครื่องจักรทำในสิ่งใดได้บ้าง ในขณะที่มนุษย์เราจะก้าวเข้าไปสู่อนาคตที่เครื่องจักรไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องมือธรรมดาเท่านั้น แต่ยังเป็นเพื่อนที่ร่วมงาน, เป็นเพื่อนผู้ที่ดูแล และเป็นเพื่อนที่ชาญฉลาดแถมกระตือรือร้นอีกด้วย 

การประมวลผลควอนตัมถูกนำมาใช้มากขึ้น 

การประมวลผลควอนตัม หรือในชื่อ Quantum computing ได้ใช้ประโยชน์จากพฤติกรรม คุณสมบัติที่มหัศจรรย์ของกลศาสตร์ควอนตัม อาจขัดสัญชาตญาณของอนุภาคในระดับอะตอม 

แต่ทั้งนี้ เพื่อทำการประมวลผลที่ซับซ้อนได้เร็วมากกว่า คอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน หลายล้านเท่า ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาจึงมีกระแสและความคาดหวังเกี่ยวกับประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์ควอนตัม (Quantum computers) ในห้องปฏิบัติการและสภาพแวดล้อมการวิจัย 

ซึ่งในปีหน้า ค.ศ.2026 คงจะได้เห็นการนำมาใช้ในงานจริงที่มากขึ้น ด้วยการพัฒนากันในรูปแบบใหม่ (New development) อันทำให้เกิด ตลาดควอนตัมในแบบให้บริการ QaaS: Quantum-as-a-Service ในภาพรวมแม้ว่าแนวโน้มนี้ อาจดูเหมือนไม่ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของเราอย่างเห็นได้ชัด แต่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ, อุตสาหกรรม และวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 

อาทิ เมื่อนำมาใช้ในแบบจำลองทางการเงิน จะช่วยให้ประเมินความเสี่ยงได้แม่นยำยิ่งขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพพอร์ตการลงทุน (Investment portfolio) การค้นพบยา Quantum AI สามารถเร่งความเร็วนำไปสู่การพัฒนายาใหม่ๆ ลดเวลาและลดต้นทุนที่จำเป็นในการดำเนินการทดลองทางคลินิก 

ในด้านของโลจิสติกส์ (Logistic) การประมวลผลควอนตัมนั้น จะหมายถึงการกำหนดเส้นทางการขนส่งและการจัดส่งที่ดีขึ้น รวมทั้งห่วงโซ่อุปทานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น 

ด้วยกระบวนทัศน์การประมวลผลในแบบใหม่นี้ที่มาพร้อมกับพลังการประมวลผลที่เพิ่มขึ้นมหาศาลคอมพิวเตอร์ในแบบดั้งเดิมที่ใช้อยู่ในปัจจุบันจะไม่ล้าสมัยในชั่วข้ามคืน อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตของมนุษย์ได้อย่างมีนัยสำคัญ

การใช้พลังงานทางด้านไอทีที่เพิ่มขึ้น

การใช้พลังงานไม่ได้เป็นเพียงปัญหารองลงมา ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานยุคใหม่ที่จะนำมนุษย์ไปสู่ความก้าวหน้า แต่ยังเป็นรากฐานสำคัญในความสามารถของมนุษย์สำหรับการนำเทคโนโลยีอย่าง AI มาใช้ เพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของโลก 

ในบทความ 7 Great AI Hopes That Could Change The World จาก Forbes ระบุว่า ในปี ค.ศ.2024 ศูนย์ข้อมูลบนโลกใช้พลังงานคิดเป็น 4% ของการใช้พลังงานทั่วโลก และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าภายในสิ้นทศวรรษนี้ (ค.ศ.2030) เนื่องมาจากมีการใช้ AI ที่เพิ่มขึ้น 

โดยในปีหน้า ค.ศ.2026 ความสนใจจะมุ่งไปที่การเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียน ทั้งนี้ก็เพื่อลดต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและโซลูชั่นพลังงานใหม่ๆ เช่น เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน, เชื้อเพลิงชีวภาพ และเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบแยกส่วน 

ที่สำคัญความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีขึ้นอยู่กับความสามารถของเราที่เป็นมนุษย์ ในการดำเนินการลักษณะที่สอดคล้องกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันก็ได้ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและองค์ประกอบทางภูมิรัฐศาสตร์ของตลาดพลังงานโลก 

กล่าวอีกนัยหนึ่งไม่ใช่แค่การผลิตพลังงานให้เพียงพอต่อการใช้งานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการดำเนินการลักษณะที่เอื้อต่อความยืดหยุ่นและความยั่งยืนอีกด้วย ซึ่งความเข้าใจรวมทั้งการตระหนักรู้ที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับแนวคิดนี้ จะถือเป็นส่วนสำคัญของการสนทนาที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีและบทบาทของเทคโนโลยีที่มีต่อสังคมในปีหน้าค.ศ.2026 อีกทั้งในอนาคต

ข้อคิดที่ฝากไว้ (การมุ่งเน้นที่ทักษะของมนุษย์มากขึ้น)

เมื่อเทคโนโลยีเข้ามาใกล้เรามากขึ้นในแง่ของความสามารถ ในปีหน้า ค.ศ.2026 จะได้ยินเสียงเรียกร้องที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ให้มุ่งเน้นไปที่คุณสมบัติที่ทำให้มนุษย์นั้นแตกต่างจากเครื่องจักรอันจะเป็นประเด็นสำคัญในการถกเถียงที่มากขึ้น 

รวมถึงการต่อต้านกระแสเนื้อหาสังเคราะห์ (Flood of synthetic) และดีปเฟกที่คุกคาม นวัตกรรม (Innovation) ควรช่วยให้เราใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติของมนุษย์ เช่น ความเห็นอกเห็นใจและพฤติกรรมที่มีจริยธรรม ได้มากเท่ากับที่ AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ, ลดต้นทุน และประหยัดเวลา นำมาซึ่งความสำคัญอย่างยิ่งในการฝึกฝนทักษะใหม่และยกระดับทักษะแรงงานมนุษย์ 

เพื่อไม่ให้พวกเราที่เป็นมนุษย์กลายเป็นส่วนเกินบนโลกที่ขับเคลื่อนด้วย AI ธุรกิจและสังคมจะต้องตระหนักถึงคุณค่าในคุณสมบัติของมนุษย์ เช่น ความจริงใจ,ความฉลาดทางอารมณ์ และการทำงานเป็นทีม ที่ไม่สามารถสร้างขึ้นได้เพียงแค่ป้อนคำสั่ง 

ด้วยความจริงที่ว่า การละเมิดความปลอดภัยทางไซเบอร์ส่วนใหญ่ได้ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของมนุษย์ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากถือเป็นปัญหาหนึ่งที่เทคโนโลยีไม่สามารถแก้ไขได้เพียงอย่างเดียว จำเป็นต้องพัฒนาที่สัญชาตญาณและความสามารถในการคิดที่มีวิจารณญาณของมนุษย์ ทั้งหมดนี้หมายถึงการทำความเข้าใจและบ่มเพาะคุณสมบัติสำคัญอันทำให้เราเป็นมนุษย์ ซึ่งจะมีความสำคัญยิ่งกว่าที่เคยในปีหน้า ค.ศ.2026 

สิ่งที่เกิดขึ้นจะท้าทายผู้นำ, นักนวัตกรรม และบุคคลทั่วไป ให้ทบทวนวิธีการใช้งานเทคโนโลยีควบคู่ไปกับการปกป้องในสิ่งที่ทำให้เราเป็นมนุษย์ ผลที่ได้รับจะช่วยให้เราสามารถกำหนดอนาคตที่ปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีเกิดใหม่ เข้ามาเสริมความคิดสร้างสรรค์,ความยืดหยุ่น และเสริมความก้าวหน้า แทนที่สิ่งดังกล่าวจะมาครอบงำเรา…ที่เป็นมนุษย์

อ่านบทความทั้งหมดของ ..สรรสิริ สิริสันตคุปต์

Featured Image: AI Generated by Gemini