Friday, March 29, 2024
ArticlesDigital Transformation

คาดการณ์เทคโนโลยีที่จะกำหนดทิศทางธุรกิจในอีก 3 ปีข้างหน้า

รายงาน Accenture Technology Vision 2021 คาดการณ์กระแสอนาคตเทคโนโลยี ที่จะกระทบถึงองค์กรต่างๆ และต้องเร่งปรับและเปลี่ยนองค์กรในทุกภาคส่วน ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

อคเซนเชอร์ เปิดเผยรายงาน Accenture Technology Vision 2021 ที่รวบรวมวิสัยทัศน์ด้านเทคโนโลยีจากผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก ที่จัดทำต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 21 เป็นการคาดการณ์กระแสเทคโนโลยีที่จะมีบทบาทกำหนดทิศทางธุรกิจและอุตสาหกรรมในอีก 3 ปีข้างหน้า

สำหรับรายงานในปีนี้ มีหัวเรื่องว่าด้วย ผู้นำที่เป็นที่ต้องการ: ผู้นำการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริง” (Leaders Wanted: Masters of Change at a Moment of Truth) โดยชี้ให้เห็นในภาพกว้างว่าองค์กรชั้นนำต่างๆ ทำอย่างไรในการบีบร่นระยะเวลาการปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล จากที่ต้องใช้เป็น 10 ปี ให้เกิดขึ้นได้ภายใน 1 – 2 ปี

หนึ่งในสาระสำคัญของรายงาน ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของ เทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตในภาวะที่มีโรคระบาดครั้งใหญ่ทั่วโลก ในหลายประเด็น อาทิ เทคโนโลยีจะเป็นตัวช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปได้ด้วยวิถีใหม่ ใช้แนวการทำงานแบบใหม่ มีปฏิสัมพันธ์กันและสร้างประสบการณ์ในรูปแบบใหม่ รวมไปถึงเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยของผู้คน

เทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนความคาดหวังและพฤติกรรมของผู้คนไปตลอดกาล และสร้างโลกแห่งความเป็นจริงใหม่ในทุกอุตสาหกรรม องค์กรธุรกิจต้องปรับตัว จากที่คอยรับมือและตอบสนองต่อวิกฤต เปลี่ยนเป็นการพลิกโฉมสิ่งที่จะเข้ามาในอนาคตแทน

ผู้นำที่กล้าและมีวิสัยทัศน์กว้างไกลที่สุด ผู้ที่ใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงได้ จะเป็นผู้ที่สามารถกำหนดอนาคตข้างหน้านั้นเอง

รายงานฉบับนี้ ระบุถึงกระแสเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นใน 5 แนวทางหลักที่องค์กรต่างๆ จะต้องรับมือในช่วง 3 ปีข้างหน้า เร่งปรับและเปลี่ยนองค์กรในทุกภาคส่วน

Technology Vision: Five technology trends for 2021
แนวทางที่ 1 จัดลำดับเชิงกลยุทธ์ พัฒนาสถาปัตยกรรมเพื่ออนาคต (Stack Strategically)

การแข่งขันของอุตสาหกรรมยุคใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว เป็นยุคที่ธุรกิจต่างๆ แข่งขันกันที่สถาปัตยกรรมหรือโคงสร้างทางไอที แต่การพัฒนาและวางแผนเลือกใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุด หมายถึงการมองเทคโนโลยีในมุมที่ต่างออกไป โดยผสานกลยุทธ์ทางธุรกิจและเทคโนโลยีให้เป็นเนื้อเดียวกัน

ซึ่ง ร้อยละ 89 ของผู้บริหารเชื่อว่า ขีดความสามารถองค์กรในการสร้างมูลค่าทางธุรกิจให้เพิ่มขึ้นนั้น ขึ้นอยู่กับข้อจำกัดและโอกาสตามแต่สถาปัตยกรรมไอทีขององค์กรจะเอื้อ

แนวทางที่ 2 สร้างโลกคู่ขนาน Digital Twins (Mirrored World)

ผู้นำต่างกำลังสร้างคู่แฝดหรือโลกเสมือนแบบดิจิทัล มีทั้งโรงงาน ซัพพลายเชน วงจรชีวิตของสินค้า และสิ่งต่างๆ อีกมากมาย โดยใช้ข้อมูลและระบบอัจฉริยะในการสร้างโลกจริงขึ้นมาบนดิจิทัลสเปซ เพื่อปลดล็อกศักยภาพแห่งโอกาสใหม่ให้องค์กรสามารถดำเนินการ ร่วมมือ และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ได้

ร้อยละ 65 ของผู้บริหารในการสำรวจนี้ มีความคาดหวังว่า การลงทุนขององค์กรในโลกดิจิทัลอีกใบจะเพิ่มมากขึ้น ในช่วงอีก 3 ปีข้างหน้า

แนวทางที่ 3 การเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างเท่าเทียม (I, Technologist)

พลังขีดความสามารถของผู้คนจะเปิดกว้างไปในทุกส่วนของธุรกิจ ทำให้องค์กรมีฐานรากแน่นสำหรับการวางกลยุทธ์ด้านนวัตกรรม ตอนนี้ พนักงานทุกคนจากทุกฝ่ายสามารถเป็นผู้สร้างสรรค์ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แก้ไขจุดที่เป็นปัญหา และช่วยให้ธุรกิจก้าวทันต่อความต้องการใหม่ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปตลอด

ร้อยละ 88 ของผู้บริหารเชื่อว่า การเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างเท่าเทียมนั้น มีความสำคัญต่อการจุดประกายนวัตกรรมให้เกิดขึ้นทั่วทั้งองค์กร

แนวทางที่ 4 ทำงานที่ใดก็ได้ (Anywhere, Everywhere)

การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของรูปแบบการทำงาน ส่งผลให้ธุรกิจต้องปรับขอบเขตขององค์กรให้กว้างขึ้น เมื่อคนทำงานสามารถ “ทำงานที่ใดก็ได้” จึงมีอิสระที่จะทำงานได้โดยไม่สะดุด ไม่ว่าจากที่บ้าน ที่ทำงาน สนามบิน สำนักงานของพาร์ตเนอร์ หรือที่อื่นๆ ซึ่งเมื่อเป็นแบบนี้ ผู้นำองค์กรอาจทบทวนจุดมุ่งหมายของการทำงานในแต่ละสถานที่ใหม่ และมองโอกาสการคิดใหม่ในด้านธุรกิจ เพื่อให้เข้ากับโลกการทำงานในรูปแบบใหม่

การสำรวจพบว่า ร้อยละ 81 ของผู้บริหารยอมรับว่า องค์กรชั้นนำในอุตสาหกรรมของตน จะเริ่มเปลี่ยนแนวการทำงานจาก “นำอุปกรณ์ส่วนตัวมาใช้ในการทำงาน” สู่การ “ทำงานที่ใดก็ได้”

แนวทางที่ 5 รอดได้ด้วยความร่วมมือ (From me to we)

ความต้องการระบบติดตามผู้สัมผัส (contact tracing) ระบบชำระเงินที่สะดวกราบรื่น ตลอดจนแนวทางใหม่ที่จะช่วยสร้างความเชื่อใจ ทำให้องค์กรหันมาใส่ใจกับสิ่งที่เคยถูกละเลยในระบบนิเวศที่มีมาของตน

นิธินันท์ สมบูรณ์วิทย์ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยี เอคเซนเชอร์ ประเทศไทย

การมีระบบที่เอื้อให้เกิดทำงานร่วมกันหลายฝ่าย จะช่วยให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่นและปรับตัวได้ดีขึ้น ปลดล็อกให้เกิดแนวทางใหม่ๆ ในการเข้าสู่ตลาด กำหนดมาตรฐานใหม่ที่ช่วยพัฒนาระบบนิเวศของอุตสาหกรรม

ร้อยละ 90 ของผู้บริหารที่สำรวจระบุว่า ระบบที่ทำงานร่วมกันหลายฝ่ายจะช่วยให้ระบบนิเวศพัฒนา สามารถยืดหยุ่นและปรับตัวได้ดีขึ้น พร้อมสร้างคุณค่าร่วมกับพันธมิตรขององค์กร

นิธินันท์ สมบูรณ์วิทย์ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยี เอคเซนเชอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า “การแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นทั่วโลกเป็นเหมือนกดปุ่มฟาสต์ฟอร์เวิร์ดไปสู่อนาคต หลายองค์กรปรับตัวโดยนำเทคโนโลยีมาใช้ในแบบใหม่

เพื่อรักษาธุรกิจและชุมชนให้อยู่รอด และพัฒนาไปในแบบที่ไม่คิดว่าจะทำได้มาก่อน ในขณะที่มีอีกหลายองค์กรที่ประสบกับความจริงที่เจ็บปวด มีทั้งความไม่พร้อมและขาดพื้นฐานด้านดิจิทัลที่จำเป็นต่อการปรับองค์กรให้ได้อย่างรวดเร็ว”

“นี่เป็นโอกาสสำคัญที่สุด ที่จะเปลี่ยนช่วงเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริงให้กลายเป็นวินาทีแห่งการสร้างความเชื่อใจ ยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมหาศาลจากผลพวงของเทคโนโลยี คิดใหม่ ทำใหม่ สร้างอนาคตใหม่ให้แก่ธุรกิจและประสบการณ์ของมนุษย์”

อ่านรายงานฉบับเต็ม Accenture Technology Vision 2021

Leave a Response