Sunday, April 28, 2024
AIArticlesCase StudyIoT

แซลมอนจาก นอร์เวย์ ที่เลี้ยงคนทั่วโลก เติบโตด้วย AI และ IoT

นอร์เวย์

เทคโนโลยีและนวัตกรรม ได้สร้าง นอร์เวย์ ให้กลายเป็นผู้นำด้านการประมงและความยั่งยืนของโลก ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย และมาตรการที่เข้มงวด ทำให้สามารถรักษามาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารและอนาคตของอุตสาหกรรม

ระเทศนอร์เวย์ขึ้นชื่อได้ว่ามีสภาพภูมิอากาศที่หนาวเหน็บและทรหด ยากต่อการอยู่อาศัยของผู้คน แต่กลับกลายเป็นสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์แบบสำหรับปลา นี่คือเหตุผลว่าทำไมนอร์เวย์ถึงดำรงชีพด้วยการประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ซึ่งเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น และกลายเป็นหนึ่งในประเทศผู้ส่งออกอาหารทะเลรายใหญ่และยั่งยืนที่สุดในโลก

มาวันนี้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของอุตสาหกรรมการประมงของนอร์เวย์ ประเทศแห่งอาหารทะเลนี้ยึดหลักจริยธรรม ความเชี่ยวชาญทางชีววิทยาทางทะเลที่สั่งสมมา เทคโนโลยีล้ำสมัย และมาตรการที่เข้มงวด เพื่อรักษามาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารและอนาคตของอุตสาหกรรม โดยที่ยังสงวนไว้ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ

ระบบติดตามฟาร์มแซลมอนในนอร์เวย์

ที่นอร์เวย์_ฟาร์มเลี้ยงปลาตั้งอยู่ในทะเลเปิด รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลที่เย็นและใสสะอาดในน่านน้ำที่ไหลมาจากธารน้ำแข็งฟยอร์ด ห่างไกลจากพื้นที่สัญจรทางทะเล วัตถุดิบส่งออกยอดนิยมอย่างแซลมอนถูกเลี้ยงในกระชังที่มีพื้นที่กว้างขวาง ให้ปลาได้ว่ายน้ำและเติบโตในสภาพแวดล้อมที่สะอาด เปรียบเทียบได้กับพื้นที่น้ำ 97.5% ต่อปริมาณแซลมอน 2.5%

ใช้ AI กำจัดเหาทะเล

ในทุกๆ กระชัง มีการใช้เลเซอร์ที่ควบคุมโดยเทคโนโลยี AI เพื่อกำจัดเหาทะเลโดยไม่เป็นอันตรายต่อปลา ด้วยระบบวิเคราะห์ข้อมูลที่สามารถระบุและติดตามปลาที่มีร่องรอยของเหาทะเลเกาะบนร่างกายได้อย่างแม่นยำ ปลาทุกตัวได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด เพื่อลดความเครียดซึ่งสามารถส่งผลต่อรสชาติได้

ระหว่างการทำฟาร์มแต่ละรอบ จะมีการพักให้ระบบนิเวศทางทะเลในพื้นที่นั้นๆ ได้ฟื้นฟู และมีการติดตามดูสภาพท้องทะเลอย่างใกล้ชิด จำนวนฟาร์มถูกจำกัดอยู่ที่ 750 แห่ง ต่อพื้นที่ชายฝั่งระยะทาง 28,953 กิโลเมตร บริษัทที่ต้องการทำฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจะต้องผ่านขั้นตอนการขอใบอนุญาตที่เข้มงวด

ในแต่ละปี ผู้ที่ประกอบอาชีพเลี้ยงปลาจะต้องจัดสรรงบประมาณเป็นจำนวนเงินกว่าหกพันล้านบาท (นอกเหนือจากงบประมาณของรัฐบาล) ในการสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับการประมง การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานที่มีประสิทธิภาพเช่นนี้ ทำให้นอร์เวย์สามารถส่งออกแซลมอนสดจากกระชังในน่านน้ำมหาสมุทรแอตแลนติกมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิที่กรุงเทพฯ ได้ภายใน 48 ชั่วโมง

ฟาร์มในมหาสมุทรที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดมีพื้นที่ให้แซลมอนว่ายน้ำได้อย่างสบายๆ
เซ็นเซอร์ IoT ช่วยเก็บข้อมูลฟาร์มในมหาสมุทร

เพื่อตอบรับกับทิศทางของผู้บริโภคในปัจจุบันที่มองหาอาหารทะเลคุณภาพสูงและใส่ใจกับการทำฟาร์มปลาแบบยั่งยืน ผู้ผลิตอาหารทะเลรายใหญ่ของนอร์เวย์ต่างได้มุ่งมั่นในการสร้างสรรค์โซลูชันเพื่อทำการประมงในพื้นที่ทะเลเปิด โดยพัฒนารูปแบบจากฟาร์มตาข่ายแบบดั้งเดิม เป็นฟาร์มในมหาสมุทร หรือในลักษณะของเรือเดินทะเลขนาดใหญ่

จากแนวคิดในการใช้ประโยชน์จากการคำนวณขนาดฟาร์มต่อประสิทธิภาพสูงสุดในการทำฟาร์ม และนำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มขีดความสามารถด้านการประมง จนเกิดเป็นการประมงสมัยใหม่ที่เป็นต้นแบบของประเทศอื่นๆ กลายเป็นมิติใหม่แห่งการทำฟาร์มแซลมอน

หนึ่งในบริษัททำฟาร์มแซลมอนของ นอร์เวย์ ได้สร้างฟาร์มในมหาสมุทรขนาดเท่ากับสนามฟุตบอลสี่สนามขึ้นมา ปัจจุบันคือสิ่งก่อสร้างที่ลอยอยู่กลางทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถูกออกแบบมาให้สามารถมีอายุการใช้งานได้ถึง 25 ปี และเป็นบ้านของแซลมอนได้ถึงกว่าสองล้านตัว

ฟาร์มในมหาสมุทรแห่งนี้ใช้เซ็นเซอร์ Internet of Things (IoT) เพื่อตรวจสอบ วิเคราะห์ และให้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ โดยนำข้อมูลเหล่านั้นมารันเป็นโมเดลแฝดของเรือแบบดิจิทัลด้วยโซลูชันบนคลาวด์

วิธีนี้ช่วยให้ผู้ควบคุมฟาร์มสามารถตรวจสอบและบำรุงรักษาพื้นที่สำคัญๆ ประเมินโครงสร้างภายใต้สภาพอากาศและทะเลที่ไม่เอื้ออำนวยต่างๆ และปรับปรุงการตัดสินใจได้อย่างทันท่วงที ในขณะที่แผนที่ความร้อนใช้ตรวจสอบการให้อาหารปลาในแต่ละกระชัง เพื่อให้แน่ใจว่าการให้อาหารในแต่ละครั้งจะไม่ส่งผลกระทบอย่างถาวรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นไปตามกฎระเบียบที่เข้มงวดของอุตสาหกรรมอาหารทะเลนอร์เวย์

นี่เป็นเพียงหนึ่งในตัวอย่างของการที่ นอร์เวย์ ได้นำเอาความเชี่ยวชาญกว่าศตวรรษ สถิติ ข้อมูลเชิงลึก และเทคโนโลยีล้ำสมัย เข้ามาใช้ในการบริหารจัดการอุตสาหกรรมการประมงเพื่อให้มั่นใจว่าอนาคตที่ยั่งยืนของท้องทะเลจะยังดำรงอยู่ต่อไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน