Friday, April 26, 2024
NEWS

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เตือนประชาชนต้องรู้ทันกลโกงมิจฉาชีพออนไลน์ทุกรูปแบบ

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า แนะนำควรกู้เงินจากสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือและไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลกับใคร เตือนประชาชนตรวจสอบข้อมูลก่อนขอสินเชื่อออนไลน์ พบมิจฉาชีพ ปลอมใบทะเบียนพาณิชย์และใบสำคัญการจดทะเบียนนิติบุคคล

รมพัฒนาธุรกิจการค้า เตือนประชาชนที่จะกู้เงินออนไลน์ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ หลังได้รับการร้องเรียนว่า มิจฉาชีพหลอกลวงเป็นผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อให้กู้เงินผ่านช่องทางออนไลน์/โซเชียลมีเดีย ดูดเงินในบัญชี อาศัยการสร้างความน่าเชื่อถือด้วยการปลอมใบสำคัญการจดทะเบียนนิติบุคคลและใบทะเบียนพาณิชย์ นอกจากนั้น มิจฉาชีพได้นำข้อมูลส่วนบุคคลของเหยื่อไปกู้เงินนอกระบบ

กรมฯ จึงขอให้ข้อมูลและย้ำกับประชาชนว่า ต้องรู้ทันกลโกงมิจฉาชีพออนไลน์ทุกรูปแบบ ด้วยการพิจารณาขอสินเชื่อจากสถาบันที่น่าเชื่อถือและได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้น และสิ่งสำคัญต้องไม่ให้ข้อมูลส่วนตัว หรือถ่ายภาพบัตรประจำตัวประชาชนให้กับใคร ซึ่งจะกลายเป็นต้นเหตุของการละเมิดประชาชนในเรื่องต่างๆ ได้

จิตรกร ว่องเขตกร รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์

จิตรกร ว่องเขตกร รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนว่า มีกลุ่มบุคคลที่เข้าข่ายมิจฉาชีพหลอกลวงโดยอ้างว่าเป็นธุรกิจให้บริการสินเชื่อ (เงินกู้) และมีการปลอมแปลงใบสำคัญการจดทะเบียนนิติบุคคลและใบทะเบียนพาณิชย์”

“โดยโฆษณาเชิญชวนประชาชนให้สมัครใช้บริการกู้เงินผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย แอปพลิเคชัน และส่งต่อลิงก์เว็บไซต์ต่างๆ พร้อมสร้างความน่าเชื่อถือว่าเป็นผู้ประกอบธุรกิจจริง โดยแสดงใบสำคัญการจดทะเบียนนิติบุคคลและใบทะเบียนพาณิชย์ ทำให้ประชาชนเกิดการหลงเชื่อ และทำตามที่มิจฉาชีพบอก”

“ท้ายที่สุดกลับไม่ได้รับบริการกู้เงินจากกลุ่มบุคคลดังกล่าว ซ้ำร้ายเงินในบัญชีที่มีอยู่โดนดูดจนเกลี้ยง หรือ หลอกให้โอนเงินค่าดำเนินการไปก่อนจึงจะโอนเงินกู้กลับไปให้ได้ สร้างความเสียหายให้กับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ โดยทางกรมฯ ได้ตรวจเช็คและพบว่าเป็นใบสำคัญฯ และใบทะเบียนพาณิชย์ปลอม”

“นอกจากนั้น มิจฉาชีพนำข้อมูลส่วนบุคคลและภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนที่ถ่ายรูปส่งให้ ไปกู้เงินนอกระบบต่ออีกที รู้ตัวเมื่อเจ้าหนี้โทรทวงหนี้ไม่เว้นวัน การกระทำดังกล่าวสร้างความเสียหายให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก” รองอธิบดี กล่าว

เปิดคลังข้อมูลธุรกิจให้ประชาชนตรวจสอบข้อมูล

ที่ผ่านมากรมฯ ได้เปิดให้บริการระบบตรวจค้นข้อมูลนิติบุคคล ผ่านทางคลังข้อมูลธุรกิจในเว็บไซต์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD_DataWarehouse+) และแอปพลิเคชัน DBD e-Service เพื่อให้ภาคธุรกิจและประชาชนตรวจสอบข้อมูลนิติบุคคลขั้นพื้นฐาน สำหรับตรวจสอบสถานะความมีตัวตนของนิติบุคคล ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นส่วนประกอบส่วนหนึ่งในการตรวจสอบนิติบุคคลว่ามีการจดทะเบียนกับกรมฯ ตามที่กฎหมายกำหนด

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

หากภาคธุรกิจและประชาชนต้องการทำธุรกรรมที่มีความละเอียดอ่อน เช่น ด้านการเงินหรือการขอสินเชื่อ จำเป็นต้องแสวงหาข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม นอกจากจะต้องตรวจสอบการมีตัวตนของนิติบุคคลแล้ว ยังต้องตรวจสอบข้อมูลหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจให้บริการด้านการเงินด้วย เช่น รายชื่อผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อ สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ ธุรกิจเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นต้น

โดยสามารถค้นหาข้อมูลโดยตรงจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

อย่างไรก็ตาม เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและผู้ประกอบธุรกิจ ระบบ DBD DataWarehouse+ ได้มีการเชื่อมโยงข้อมูลใบอนุญาตการประกอบธุรกิจจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มาไว้ในข้อมูลนิติบุคคลแต่ละราย โดยสามารถเลือกคลิกดูข้อมูลได้ที่หัวข้อ ข้อมูลจากหน่วยงานภายนอก จากหน้าแสดง ข้อมูลนิติบุคคล อีกช่องทางหนึ่งด้วย

อย่างไรก็ตาม ประชาชนต้องรู้ทันกลโกง มิจฉาชีพออนไลน์ ทุกรูปแบบ หากได้รับโฆษณาเชิญชวนให้ใช้บริการเงินกู้ผ่านทางออนไลน์หรือโซเชียลมีเดียต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ต้องตั้งสติให้มั่น และไม่ประมาทโดยการให้ข้อมูลส่วนตัว ถ่ายภาพบัตรประจำตัวประชาชนส่งให้ทางโซเชียลมีเดีย คลิกลิงก์ หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชันใดๆ

ซึ่งหากตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพแล้วอาจทำให้สูญเสียเวลา เงิน หรือทรัพย์สินที่หามาอย่างยากลำบาก นอกจากนั้น ยังอาจถูกหลอกให้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวไปใช้โจรกรรมทางการเงิน ซึ่งจะสร้างความเสียหายตามมา

รวมถึงการปล่อยสินเชื่อที่ไม่ได้อยู่ภายใต้กฎหมาย อาจมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินกว่าความเป็นจริง และอาจเสี่ยงจากการติดตามหนี้สินที่อยู่นอกกฎหมายอีกด้วย ดังนั้น หากมีความรอบคอบตั้งแต่ต้นและไม่หลงเชื่อคำโฆษณาที่หลอกลวง จะเป็นการปิดประตูความเสี่ยงต่างๆ และปลอดภัยจากการสูญเสียทรัพย์สินที่อาจประเมินค่าไม่ได้” รองอธิบดีฯ กล่าวทิ้งท้าย

Featured Image: Image by Freepik