Saturday, April 20, 2024
NEWS

SCG จับมือ กฟน. และ กรุงเทพฯ มอบระบบหลังคาโซลาร์ 23.5 kW.ผ่านโครงการมอบไฟสู่การศึกษา มอบโซลาร์สู่โรงเรียน

เอสซีจี จับมือ การไฟฟ้านครหลวง และ กรุงเทพมหานคร มอบระบบหลังคาโซลาร์ 23.5 kW.ผ่านโครงการมอบไฟสู่การศึกษา มอบโซลาร์สู่โรงเรียน โดยนำร่องผ่านโรงเรียน วัดประชาระบือธรรม เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร

“เ“เอสซีจี โซลาร์รูฟ โซลูชั่น”  จับมือ การไฟฟ้านครหลวง และ กรุงเทพมหานคร  มอบระบบหลังคาโซลาร์ 23.5 kW. ผ่านโครงการมอบไฟสู่การศึกษา มอบโซลาร์สู่โรงเรียน ให้แก่โรงเรียนวัดประชาระบือธรรม เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร  ส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานสะอาดเพิ่มมากขึ้น

โดยเฉพาะในแต่ละชุมชน ซึ่งในโครงการนี้เราเริ่มต้นจากโรงเรียนวัดประชาระบือธรรม เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร  เพราะเล็งเห็นว่าโรงเรียนเป็นแหล่งการศึกษาที่จะเป็นจุดเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี  ถือเป็นโรงเรียนและชุมชนต้นแบบในการใช้พลังงานสะอาด  รวมถึงเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านค่าไฟฟ้าได้อย่างยั่งยืน

ธงชัย   โสภณ Head of Housing Products Business บริษัท เอสซีจี รูฟฟิ่ง จำกัด กล่าวว่า นอกเหนือจากการพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพ  สิ่งหนึ่งที่เอสซีจีมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจควบคู่กันไป คือ “การพัฒนาอย่างยั่งยืนร่วมไปกับสังคม”  ตามแนวคิด ESG 4 Plus

ซึ่งจะทำให้ธุรกิจเติบโตและยั่งยืนอย่างแท้จริง  บริษัท เอสซีจี รูฟฟิ่ง จำกัด  จึงใช้ความเชี่ยวชาญด้านหลังคาและการติดตั้งระบบหลังคาโซลาร์ ร่วมกับ การไฟฟ้านครหลวง และ กรุงเทพมหานคร  จัดกิจกรรม CSR โดยมอบระบบหลังคาโซลาร์ 23.5 kW. ผ่านโครงการ “มอบไฟสู่การศึกษา มอบโซลาร์สู่โรงเรียน” โดยนำร่องผ่านโรงเรียน วัดประชาระบือธรรม เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร  ในวันที่ 12 พฤษภาคม  2565  ที่ผ่านมา

“เราได้นำแนวทางเรื่องมาตรฐานการดำเนินธุรกิจระดับโลก อย่าง ESG (Environmental, Social and Governance) เป็นกรอบการพัฒนานวัตกรรมและโซลูชันใหม่ๆ สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDGs (Sustainable Development Goals) ของสหประชาชาติ เพื่่อสร้างโซลูชันและคุณภาพชีวิตที่ดีในวันนี้ และส่งต่อโลกที่ดียิ่งขึ้นให้คนรุ่นต่อไป

เอสซีจี  ในฐานะผู้นำนวัตกรรมวัสดุก่อสร้าง ไม่เคยหยุดนิ่งในการคิดค้นพัฒนาคุณภาพสินค้า และส่งมอบสู่สังคม  โดยการมอบโซลาร์รูฟให้แก่โรงเรียน  เพื่อเป็นการปลูกฝังให้นักเรียนเห็นความสำคัญของพลังงานสะอาดที่จะเข้ามาเป็นพลังงานหลักในอนาคต  และมีส่วนสำคัญในการช่วยลดค่าไฟ  รวมถึงเป็นต้นแบบด้านพลังงานสะอาดให้แก่ชุมชนอย่างยั่งยืน”  ธงชัย กล่าว

วิลาศ  เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการ MEA หรือ การไฟฟ้านครหลวง เปิดเผยว่า MEA ในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่ดูแลระบบจำหน่ายไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ ขับเคลื่อนนโยบายภาครัฐด้านพลังงานหมุนเวียนพร้อมให้ความร่วมมือทุกภาคส่วนส่งเสริมดำเนินตามนโยบายภาครัฐ MEA มีความยินดีอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมมือกับ บริษัท เอสซีจี รูฟฟิ่ง จำกัด และกรุงเทพมหานคร ในการสนับสนุนการติดตั้งโซลาร์รูฟ ให้กับโรงเรียนวัดประชาระบือธรรม เป็นสถานศึกษาต้นแบบการเรียนรู้การใช้พลังงานสะอาด

อีกทั้งช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายทางการศึกษา การบูรณาการการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมเข้ากับหลักสูตรการเรียนการสอน พร้อมทั้งส่งเสริมสนับสนุนการสร้างจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมแก่บุคลากรและเยาวชนในสถานศึกษา สร้างคุณประโยชน์ต่อสถานศึกษาและเป็นแหล่งการเรียนรู้พลังงานที่สำคัญต่อไป MEA มุ่งขับเคลื่อนพลังงานเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร โดยให้ความสำคัญกับการใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ มั่นคง และปลอดภัย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันเป้าหมายของประเทศไทยที่มุ่งสู่พลังงานทางเลือกที่สะอาดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

และสามารถบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ตามนโยบายของรัฐบาล ส่งเสริมการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) เชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้าอย่างถูกต้องเพื่อความปลอดภัย ผู้ใช้ไฟฟ้าที่สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดและสมัครเข้าร่วมโครงการผ่านทางเว็บไซต์ https://myenergy.mea.or.th

ทั้งนี้ ผู้สนใจจะติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยของ MEA สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้าการไฟฟ้านครหลวง MEA Call Center 1130 รวมถึงแจ้งผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ได้แก่ Facebook : การไฟฟ้านครหลวง MEA, Line: @meathailand, Twitter: @mea_news ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ขจิต  ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร  กล่าวว่า  ในส่วนของกรุงเทพมหานครเล็งเห็นว่าพลังงานสะอาดเป็นเรื่องที่ต้องเร่งให้ความสำคัญ  และส่งเสริมให้มีการใช้งานเพิ่มมากขึ้น เพราะนอกจากเป็นการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดแล้ว  ยังช่วยประหยัดค่าไฟในระยะยาวให้ชุมชนได้อีกด้วยที่ผ่านมาโครงการเกี่ยวกับพลังงานสะอาดเริ่มมีมานานแล้วแต่ยังไม่มีการผลักดันอย่างจริงจัง  โครงการ “มอบไฟสู่การศึกษา  มอบโซลาร์สู่โรงเรียน” จึงเป็นโครงการต้นแบบเพื่อให้เกิดการผลักดันในภาคครัวเรือนและหน่วยงานในกรุงเทพมหานครต่อไปในระยะยาว