Sunday, April 28, 2024
FinTechNEWS

พร้อมเพย์ รองรับการทำธุรกรรมต่อวินาทีได้เพิ่มขึ้น 143% หลังปรับแพลตฟอร์มฐานข้อมูล

พร้อมเพย์ ยกระดับความสามารถรองรับการทำธุรกรรมต่อวินาทีได้เพิ่มขึ้นถึง 143% ลดการใช้ทรัพยากรลง 45 เปอร์เซ็นต์ ขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ของประเทศไทยในการสร้างสังคมไร้เงินสด

ITMX ผู้ให้บริการเครือข่ายการชำระเงินระหว่างธนาคารของประเทศไทย ประกาศความสำเร็จ บริการโอนเงิน พร้อมเพย์ ที่สามารถยกระดับความสามารถรองรับการทำธุรกรรมต่อวินาทีได้เพิ่มขึ้นถึง 143% หลังปรับแพลตฟอร์มฐานข้อมูลระดับองค์กรระบบใหม่ตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2566

พร้อมเพย์_บริการโอนเงินแบบเรียลไทม์ของประเทศไทย ประสบความสำเร็จในการเพิ่มขีดความสามารถของระบบ ด้วยการย้ายภาระงานสำคัญ ซึ่งรวมถึงการประมวลผลธุรกรรม จากฮาร์ดแวร์ฐานข้อมูลเดิมไปยังแพลตฟอร์มฐานข้อมูลระดับองค์กรระบบใหม่ ที่สามารถรันปริมาณงานในระดับวิกฤตได้อย่างมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูง ส่งผลให้พร้อมเพย์สามารถรองรับธุรกรรมต่อวินาที (TPS) ได้เพิ่มขึ้นถึง 143 เปอร์เซ็นต์ และใช้หน่วยประมวลผลกลางเสมือน (vCPU) น้อยลง 45 เปอร์เซ็นต์

พร้อมเพย์_เปิดตัวในปี 2559 เป็นบริการโอนเงินแบบเรียลไทม์ที่ดำเนินการโดย National Interbank Transaction Management and Exchange (National ITMX) ผู้ให้บริการเครือข่ายการชำระเงินระหว่างธนาคารของประเทศไทย มีธนาคารสมาชิกทั้งหมด 26 แห่ง โดยพร้อมเพย์สามารถให้ผู้ใช้งานโอนเงินผ่านโทรศัพท์มือถือได้เพียงใช้หมายเลขโทรศัพท์หรือเลขประจำตัวประชาชนของผู้รับเท่านั้น

วรรณา นพอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ็กซ์ จำกัด

นับตั้งแต่เปิดให้บริการ_พร้อมเพย์มีปริมาณธุรกรรมเพิ่มขึ้น 11 เท่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จึงต้องการโครงสร้างพื้นฐานไอทีใหม่ที่สามารถรองรับการขยายระบบ มีความน่าเชื่อถือ และปลอดภัยสำหรับภาระงานที่มีความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการประมวลผลธุรกรรม

วรรณา นพอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ็กซ์ จำกัด กล่าวว่า “จากรายงานของ Real-Time Payments World Map ประเทศไทยมีธุรกรรมการชำระเงินแบบเรียลไทม์ต่อหัวมากที่สุดในโลก”

“ในฐานะผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์หลักของประเทศ เราจึงมองหาโครงสร้างพื้นฐานไอทีระดับโลกที่สามารถรองรับการทำธุรกรรมจำนวนมหาศาลได้”

“ตั้งแต่ที่พร้อมเพย์ได้เปลี่ยนมาใช้โครงสร้างพื้นฐานระบบใหม่ ในไตรมาสแรกของปี 2566 พบว่าสามารถทำงานได้เกินความคาดหมายของเรา เราสามารถยกระดับการดำเนินการสำคัญของระบบ ทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความพร้อมใช้งาน”

“ความปลอดภัย และความคุ้มทุน พร้อมยังทำให้ธุรกรรมต่อวินาทีเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ในขณะที่ลดการใช้ทรัพยากรลง 45 เปอร์เซ็นต์ ทำให้สามารถขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ของประเทศไทยในการสร้างสังคมไร้เงินสด ได้ด้วยเทคโนโลยีชั้นนำ”

Featured Image: Image by Freepik