“หัวเว่ยจับมือกรมการจัดหางาน ร่วมสนับสนุนตลาดแรงงานดิจิทัลไทย ผ่านการเข้าร่วมงาน Job Expo Thailand 2024 เป็นปีที่สาม มุ่งบ่มเพาะบุคลากรไอซีทีระดับคุณภาพในไทยรองรับอนาคต
บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมไอซีทีชั้นนำระดับโลก ประสานความร่วมมือกับกรมการจัดหางาน ภายใต้กระทรวงแรงงาน เข้าร่วมงานมหกรรม Job Expo Thailand 2024 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร
โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อมุ่งส่งเสริม บ่มเพาะ และเฟ้นหาบุคลากรด้านดิจิทัลของประเทศไทยที่มีความสามารถ รองรับกับความต้องการบุคลากรไอซีทีในตลาดแรงงานขอองประเทศไทยที่กำลังมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากหลากหลายภาคอุตสาหกรรมในอนาคต รวมทั้งยังสอดคล้องกับพันธกิจของหัวเว่ยในการเสริมสร้างดิจิทัลอีโคซิสเต็ม ผลักดันบุคลากรไอซีทีของไทยให้ร่วมเติบโตไปพร้อมกับหัวเว่ยในระดับโลก
พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้กล่าวถึงงานมหกรรม Job Expo Thailand 2024 ว่า “งานมหกรรมในปีนี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการว่างงาน รองรับความต้องการสายอาชีพของภาคประชาชน รวมถึงรองรับความต้องการตลาดแรงงานของนายจ้างและสถานประกอบการต่าง ๆ
นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยสนับสนุนการยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาใหม่ คนพิการ ผู้สูงอายุ และประชาชนไทยทั่วไปในไทย ผ่านการเปิดโอกาสในสายอาชีพและจับคู่ทักษะแรงงานที่ตรงกับความต้องการของธุรกิจ ภายในงานยังมีกิจกรรมช่วยแนะแนวอาชีพ จัดแสดงข้อมูลแนวโน้มตลาดแรงงานในประเทศ
รวมถึงทดสอบความถนัดด้านอาชีพ เราต้องขอขอบคุณหัวเว่ย ผู้นำด้านนวัตกรรมไอซีทีระดับโลกที่ได้เข้าร่วมงาน Job Expo Thailand รวมทั้งบริษัทชั้นนำจากภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ได้เข้าร่วมงานในปีนี้อีกครั้ง เพื่อช่วยสร้างโอกาสการทำงานและบ่มเพาะองค์ความรู้ในสายอาชีพให้แก่คนไทย สนับสนุนตลาดแรงงานของประเทศให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไปในอนาคต”
ด้าน เดวิด หลี่ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวถึงการเข้าร่วมงานในครั้งนี้ว่า “ทางหัวเว่ยรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมกับการจัดงานมหกรรม Job Expo Thailand 2024 ติดต่อกันเป็นปีที่สาม
โดยหัวเว่ยมีความมุ่งมั่นที่จะบ่มเพาะบุคลากรดิจิทัลที่มีความสามารถเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมไอซีทีของประเทศไทย ผ่านแนวทางการเฟ้นหาบุคลากรรวมทั้งโครงการฝึกอบรมที่หลากหลาย เพราะหัวเว่ยเชื่อว่าบุคลากรกลุ่มนี้คือปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จและการเติบโตในอนาคต
โดยหัวเว่ยให้โอกาสในการพัฒนาทักษะทางวิชาชีพและสร้างการเติบโตในสายอาชีพให้แก่พนักงานทุกคน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฟูมฟักอีโคซิสเต็มด้านดิจิทัลให้แก่ประเทศไทยด้วยกรสร้างบุคลากรดิจิทัลที่มีความสามารถ ปูทางไปสู่การขึ้นเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียนในอนาคตอีกด้วย” เขายังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ความร่วมมือจัดงานมหกรรม Job Expo Thailand 2024 ในปีนี้ยังจะทำให้เกิดประโยชน์ใน
4 ด้านหลักแก่บุคลากร ภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทย และองค์กรภาครัฐและภาคเอกชนต่าง ๆ ได้แก่:
1. การสร้างโอกาสด้านอาชีพ บุคลากรที่เข้าร่วมงานมหกรรมในครั้งนี้จะได้พบกับโอกาสในการร่วมงานกับหัวเว่ย บริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลก
2. การส่งเสริมด้านการพัฒนาทักษะ หนึ่งในพันธกิจสำคัญของหัวเว่ยคือการมุ่งมั่นพัฒนาบุคลากรด้านดิจิทัลในประเทศไทย ซึ่งบุคลากรไทยที่เข้าร่วมทำงานในบริษัทหัวเว่ยจะได้รับการฝึกอบรมทักษะที่จำเป็น รวมทั้งได้รับโอกาสในการเติบโตในสายอาชีพของตนเอง
3. การเปิดโอกาสให้เข้าถึงภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งงานมหกรรมครั้งนี้ยังจะเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับภาคอุตสาหกรรมไอซีที รวมถึงเทรนด์และนวัตกรรมล่าสุด เพื่อให้บุคลากรในไทยมีความเข้าใจเกี่ยวกับภาคอุตสาหกรรมนี้มากขึ้น และสามารถทำการตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมเกี่ยวกับสายอาชีพของตัวเองได้
4. การเปิดโอกาสให้เข้าถึงเครือข่ายในสายอาชีพ โดยงานครั้งนี้ถือเป็นแพลตฟอร์มที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเข้าถึงเครือข่ายการทำงาน ได้รับโอกาสในการพบปะพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญในภาคอุตสาหกรรมและนายจ้างขององค์กรต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสในสายงานอาชีพในอนาคต
โครงการความร่วมมือระหว่างหัวเว่ยและกรมการจัดหางาน Job Expo Thailand 2024 ถือเป็นการต่อยอดการบ่มเพาะ อีโคซิสเต็มด้านดิจิทัลในประเทศไทย ตามเป้าหมายเรื่องการพัฒนาบุคลากรผู้เชี่ยวชาญทักษะดิจิทัลในประเทศไทยให้ได้รวม 100,000 คน ภายในปี พ.ศ. 2568 ผ่านโครงการความร่วมมือต่าง ๆ จากทั้งองค์รภาครัฐและภาคเอกชนในประเทศไทย
ซึ่งถือเป็นการตอบโจทย์พันธกิจเรื่อง ‘เติบโตไปพร้อมกับประเทศไทย และร่วมสนับสนุนประเทศไทย’ (Grow in Thailand, Contribute to Thailand) ของหัวเว่ย ด้วยการเปิดโอกาสให้คนไทยมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ ยกระดับบุคลากรรุ่นใหม่ด้วยทักษะที่จำเป็น เพื่อการร่วมสร้างอนาคตของประเทศไทยที่แข็งแกร่งในยุคดิจิทัล