Saturday, April 27, 2024
NEWS

Fuchsia Venture Capital ผนึก โรงพยาบาลจักษุ รัตนิน เปิดตัว แคร์คัฟเวอร์ สหคลินิก

Fuchsia Venture Capital

ผนึกกำลังครั้งสำคัญ! เปิดตัว แคร์คัฟเวอร์ สหคลินิก ด้วยความร่วมมือกันระหว่าง Fuchsia Venture Capital และ โรงพยาบาลจักษุ รัตนิน ทางเลือกใหม่สำหรับการรักษาระดับปฐมภูมิ (Primary Care) ในประเทศไทย

ริษัท ฟูเชีย เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด และ โรงพยาบาลจักษุ รัตนิน ผนึกกำลังครั้งสำคัญ ร่วมลงทุนก่อตั้งบริษัท เมืองไทยรัตนิน จำกัด พร้อมประกาศเปิดตัว “แคร์คัฟเวอร์ สหคลินิก (CareCover Clinic)” ทางเลือกใหม่สำหรับการดูแลรักษา การป้องกัน และการส่งเสริมสุขภาพ เพื่อช่วยให้คนไทยสามารถเข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพราะสุขภาพดีคือพื้นฐานของความสุข

“แคร์คัฟเวอร์ สหคลินิก” เปิดให้บริการสาขาแรกที่อาคารเมืองไทยภัทร คอมเพล็กซ์ ชั้น 4 โซนพลาซ่า โดยให้บริการการดูแลสุขภาพที่ครอบคลุมทั้งการตรวจรักษาโรคทั่วไปและโรคเรื้อรัง การทำกายภาพบำบัด การตรวจสุขภาพประจำปี และการฉีดวัคซีน

สาระ ล่ำซำ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทย กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด และกรรมการ บริษัท ฟูเชีย เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด (Fuchsia Venture Capital) เปิดเผยว่า “ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเราเห็นถึงแนวโน้มที่เติบโตของประกันสุขภาพและสิ่งที่ตามมาคือความต้องการในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพและสะดวกสบาย”

“เราจึงเห็นโอกาสในการเข้ามาตอบโจทย์ในจุดนี้ทั้งสำหรับลูกค้าประกันชีวิตและบุคคลทั่วไป อย่างไรก็ตามเราดีใจเป็นอย่างมากที่ได้โรงพยาบาลจักษุ รัตนิน ซึ่งมีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในด้านธุรกิจสถานพยาบาลและมีวิสัยทัศน์ที่ตรงกัน มาช่วยกันสร้างแคร์คัฟเวอร์ สหคลินิก ขึ้นมา”

วรัดดา รัตนิน รองประธานกรรมการ โรงพยาบาลจักษุ รัตนิน  กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีที่ได้ผนึกกำลังร่วมเป็นพันธมิตรกับฟูเชีย เวนเจอร์ แคปิทัล โรงพยาบาลจักษุ รัตนิน เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางตาแห่งแรกและให้บริการควบคู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน”

“วันนี้เราได้ก้าวสู่การให้บริการในด้านการรักษาระดับปฐมภูมิ (Primary Care) เพื่อช่วยให้คนไทยสามารถเข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพและสะดวกมากยิ่งขึ้น เราเชื่อว่า แคร์คัฟเวอร์ สหคลินิก จะสามารถก้าวขึ้นเป็นสหคลินิกที่มีคุณภาพและเป็นตัวเลือกแรกของใครหลาย ๆ คน”

ด้านฤทัย  สุทธิกุลพานิช  กรรมการ บริษัท เมืองไทยรัตนิน จำกัด  แสดงความมั่นใจถึงโอกาสในการเติบโตของธุรกิจสุขภาพโดยเฉพาะการรักษาระดับปฐมภูมิ (Primary Care) ในประเทศไทย กล่าวว่า “แคร์คัฟเวอร์ สหคลินิก จัดตั้งขึ้นตามวิสัยทัศน์ของบริษัท ฟูเชีย เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด และ โรงพยาบาลจักษุ รัตนิน ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการรักษาระดับปฐมภูมิ (Primary Care) เพราะการรักษาระดับปฐมภูมิ

มีความสำคัญอย่างมาก และถือเป็นการดูแลสุขภาพด่านแรก ซึ่งเป็นการรักษาทั้งโรคทั่วไป การป้องกัน และการส่งเสริมสุขภาพ  เพื่อจัดการกับโรคที่ไม่รุนแรงและแก้ไขปัญหาสุขภาพได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อช่วยป้องกันและ ลดความเจ็บป่วยที่อาจเกิดขึ้นได้รวมถึงช่วยลดค่าใช้จ่ายที่จะตามมา  วันนี้เราได้มีการเปิดให้บริการสาขาแรกและเรามีแผนที่จะขยายสาขาอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการของเราได้มากขึ้น”

ในขณะเดียวกันแพทย์หญิงเชอรี่วิน คงมา  ผู้อำนวยการคลินิก บริษัท เมืองไทยรัตนิน จำกัด กล่าวว่า “แคร์คัฟเวอร์ สหคลินิก สาขาแรก เราให้บริการทั้งในด้านเวชกรรมและกายภาพบำบัด  โดยในด้านเวชกรรม บริการจะครอบคลุมการดูแลรักษาโรคทั่วไปและโรคเรื้อรัง รวมไปถึงการส่งเสริมและป้องกันสุขภาพ เช่น การตรวจสุขภาพ การฉีดวัคซีนประจำปี และการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ เป็นต้น

ทั้งนี้ทางแคร์คัฟเวอร์ สหคลินิก  มีวิสัยทัศน์ว่าแพทย์ประจำคลินิกจะเปรียบเสมือนแพทย์ส่วนตัวของคนไข้และผู้มารับบริการทุกคน ดังนั้นหากมีความจำเป็นที่จะต้องส่งต่อคนไข้ไปรักษาต่อในโรงพยาบาลหรือเพื่อพบแพทย์เฉพาะทาง คลินิกจะทำหน้าที่ประสานงานกับโรงพยาบาลปลายทางเพื่อให้กระบวนการการดูแลและรักษาคนไข้มีความต่อเนื่องและสมบูรณ์ที่สุด ในด้านกายภาพบำบัด เราเน้นการดูแลรักษาโรคระบบกระดูกและกล้ามเนื้อเช่น กลุ่มอาการที่เกิดจากการทำงานหรือ Office Syndrome“

และย้ำถึงพันธกิจของคลินิกที่เน้นถึงการรักษาที่มีคุณภาพสะดวกสบายและเข้าถึงได้ว่า “โดยในทุก ๆ บริการเราจะมุ่งเน้นไปที่การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมและการให้การรักษาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของ แต่ละบุคคล และในอนาคตเรามีแผนที่จะขยายไปยังบริการอื่น ๆ มากขึ้น ทั้งบริการปรึกษาทางไกล หรือ Telemedicine

โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนช่วยเหลือการบริการอื่น ๆ ในสาขาใหม่ที่ตอบโจทย์มากขึ้น โดยคลินิกสามารถรองรับทั้งลูกค้าที่เป็นบุคคลทั่วไป ลูกค้าองค์กร รวมถึงลูกค้าประกันทั้งแบบรายกลุ่มและรายเดี่ยว ซึ่งเรามีเป้าหมายที่จะเชื่อมต่อกับทุกบริษัทประกันภัยเพื่อให้ผู้เข้ารับบริการไม่ต้องสำรองจ่าย”