NetApp ประกาศอัปเกรดความสามารถแพลตฟอร์มข้อมูล ช่วยองค์กรเตรียมพร้อมสำหรับ AI

“NetApp ประกาศอัปเกรดความสามารถแพลตฟอร์มข้อมูล เน้นสองประเด็นหลัก เร่งนำ AI มาใช้ในระดับองค์กร และการเสริมความยืดหยุ่นทางไซเบอร์ ช่วยองค์กรเตรียมความพร้อมข้อมูล ปลอดภัยสูงสุดรองรับการใช้งาน AI
ในงาน INSIGHT 2025 ที่เพิ่งจัดขึ้นในเดือนตุลาคมนี้ NetApp ผู้ให้บริการด้านโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลอัจฉริยะ (Intelligent Data Infrastructure) ได้เผยโฉมการอัปเกรดครั้งสำคัญของแพลตฟอร์มข้อมูล โดยมุ่งเน้นไปยังสองประเด็นหลัก ได้แก่ การเร่งการนำ AI มาใช้ในระดับองค์กร และการเสริมความยืดหยุ่นทางไซเบอร์ด้วยคุณสมบัติด้านความปลอดภัยระดับอุตสาหกรรม ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรก โดยหัวใจของนวัตกรรมใหม่ในครั้งนี้ ประกอบด้วย
นวัตกรรมด้าน AI และแพลตฟอร์มข้อมูล
NetApp เปิดตัวโซลูชันใหม่เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถนำ AI มาประยุกต์ใช้ได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพในวงกว้าง พร้อมทั้งเพิ่มความรวดเร็วและความคล่องตัวให้กับกระบวนการจัดการข้อมูลสำหรับ AI (AI data pipeline) ดังนี้
NetApp AFX Disaggregated Storage System โซลูชันจัดเก็บข้อมูลแบบ All-Flash ระดับองค์กรที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานของ AI workloads ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง ทำหน้าที่เป็นรากฐานด้านข้อมูลอันทรงพลังสำหรับ AI factories และด้วยสถาปัตยกรรมแบบ Disaggregated NetApp ONTAP ที่แยกการทำงานด้านประสิทธิภาพออกจากความจุ
ทำให้ NetApp_AFX สามารถเพิ่มสมรรถนะได้อย่างยืดหยุ่นและทรงพลัง นอกจากนี้ ระบบดังกล่าวยังได้รับการรับรองให้ใช้ร่วมกับซูเปอร์คอมพิวติ้ง NVIDIA DGX SuperPODและได้รับการออกแบบให้สามารถขยายประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างต่อเนื่อง (linear performance scaling) ไปจนถึงระดับ exabyte-scale พร้อมความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงสุดในระดับเทราไบต์ต่อวินาที
NetApp_AI Data Engine (AIDE) บริการ AI Data ที่ครบวงจร มั่นคงปลอดภัย และรวมศูนย์ โดย AIDE ถูกผนวกเข้ากับการออกแบบอ้างอิงระบบ NVIDIA AI Data Platform ช่วยให้องค์กรสามารถจัดการกระบวนการข้อมูลของ AI ทั้งหมดได้อย่างง่ายดายและปลอดภัยยิ่งขึ้น
อีกทั้งยังช่วยเร่งการทำงานของ AI ในองค์กร เช่น Retrieval Augmented Generation (RAG) และ การประมวลผลเชิงอนุมาน (inference) ได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ยังสามารถตรวจจับและซิงโครไนซ์การเปลี่ยนแปลงของข้อมูลโดยอัตโนมัติ พร้อมทั้งมีมาตรการป้องกันภายในตัวเพื่อรับประกันความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลตลอดวงจรการใช้งาน AI
การเชื่อมต่อคลาวด์ที่ไร้รอยต่อ ฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่าง Object API สำหรับ Azure Data & AI Services และ Enhanced Unified Global Namespace ช่วยให้องค์กรไทยสามารถเชื่อมต่อข้อมูลทั้งในองค์กรและบนคลาวด์เข้ากับบริการอย่าง Azure OpenAI และ Microsoft Fabric ได้โดยตรง โดยไม่จำเป็นต้องย้ายหรือสร้างสำเนาข้อมูล
แพลตฟอร์มเหล่านี้มีบทบาทสำคัญต่อองค์กรไทยในการสนับสนุนวิสัยทัศน์ระดับชาติของประเทศ ด้วยการมอบรากฐานที่มั่นคง ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูง ซึ่งจำเป็นต่อการใช้งาน AI ในระดับใหญ่
อรรณพ วาดิถี ผู้จัดการประจำประเทศไทยของ_NetApp กล่าวว่า “ภายใต้นโยบาย Thailand 4.0 ความมุ่งมั่นด้านดิจิทัลของประเทศได้ทำให้ AI กลายเป็นหนึ่งในลำดับความสำคัญระดับชาติ สำหรับองค์กรที่ต้องการขยายการใช้งาน AI ให้ครอบคลุมทุกกระบวนการดำเนินงานนั้น ความสำเร็จจะขึ้นอยู่กับรากฐานข้อมูลที่มั่นคงและเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งจะเอื้อต่อการปรับใช้ระบบอย่างรวดเร็วและการกำกับดูแลข้อมูล”
“ด้วยนวัตกรรมล่าสุดของ NetApp_อย่าง NetApp_AFX และ NetApp_AI Data Engine องค์กรไทยจะสามารถนำ AI มาใช้งานได้อย่างมั่นใจ พร้อมสร้างผลลัพธ์ที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและเร่งการสร้างนวัตกรรมได้อีกด้วย”
การเสริมความยืดหยุ่นและความปลอดภัยทางไซเบอร์
NetApp_ได้นำเสนอฟีเจอร์ความสามารถในการเตรียมตัว และตอบสนองต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์ หรือ Cyber Resilience ระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม ตอกย้ำในความเป็น “ระบบจัดเก็บข้อมูลที่ปลอดภัยที่สุดในโลก”
พร้อมช่วยให้องค์กรไทยสามารถปกป้องชื่อเสียงและรักษาการทำงานให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล การอัปเดตในครั้งนี้รวมไปถึงบริการ NetApp_Ransomware Resilience ที่ได้รับการปรับปรุงและเปลี่ยนชื่อจาก Ransomware Protection โดยมาพร้อมคุณสมบัติเด่น คือ
ระบบตรวจจับการละเมิดข้อมูลเจ้าแรกในอุตสาหกรรม ปัจจุบัน_NetApp Ransomware Resilience ได้เพิ่มฟีเจอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่สามารถตรวจจับพฤติกรรมผู้ใช้งาน และพฤติกรรมของระบบไฟล์ที่ผิดปกติ ซึ่งเป็นสัญญาณเบื้องต้นของความพยายามในการขโมยข้อมูล
การตรวจจับความพยายามละเมิดเหล่านี้ได้ล่วงหน้าจะช่วยให้ลูกค้า_NetApp สามารถป้องกันการโอนข้อมูลสำคัญโดยไม่ได้รับอนุญาต และหยุดภัยคุกคามทางไซเบอร์ ก่อนที่จะเกิดความเสียหายหรือการเปิดเผยข้อมูลจำนวนมากได้
สภาพแวดล้อมการกู้คืนแบบแยกส่วน (Isolated Recovery Environments – IREs) ฟีเจอร์ใหม่ที่จะช่วยให้การกู้คืนงานสำคัญเป็นไปอย่างปลอดภัยและปราศจากมัลแวร์ โดย IREs ใช้เทคโนโลยี AI ขั้นสูงเฉพาะของ NetApp ในการสแกนข้อมูลอย่างละเอียด เพื่อตรวจจับข้อมูลที่ได้รับผลกระทบจากมัลแวร์อย่างแม่นยำ ช่วยแนะนำลูกค้าให้สามารถกู้คืนข้อมูลล่าสุดที่ปลอดภัยได้อย่างรวดเร็ว และป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำอีก
ระบบป้องกันที่ใช้ AI ซึ่งติดตั้งมาในตัวระบบ การเสริมประสิทธิภาพเหล่านี้ช่วยเติมเต็มความสามารถของ NetApp ONTAP Autonomous Ransomware Protection with AI (ARP/AI) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับรางวัล โดยเทคโนโลยีดังกล่าวได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการตรวจจับการโจมตีของแรนซัมแวร์ขั้นสูงได้ถึง 99 เปอร์เซ็นต์ โดยไม่มีผลบวกปลอม (Zero False Positives) เลยแม้แต่ครั้งเดียว
สำหรับองค์กรธุรกิจไทยที่กำลังขับเคลื่อนวาระการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลของประเทศ ความสามารถในการรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อการรักษาเสถียรภาพและความเชื่อมั่นทางธุรกิจ
อรรณพ ให้ความเห็นเพิ่มเติมในประเด็นดังกล่าวว่า “ในขณะที่ประเทศไทยกำลังเร่งขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ Thailand 4.0 อย่างเต็มที่ ข้อมูลได้กลายมาเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างสรรค์นวัตกรรมในทุกอุตสาหกรรม”
“โดย NetApp_Ransomware Resilience นั้นเป็นมากกว่าแค่การป้องกัน เทคโนโลยีนี้จะช่วยเสริมศักยภาพให้องค์กรสามารถกู้คืนระบบได้อย่างรวดเร็วและครบถ้วน นั่นคือวิธีที่เราช่วยให้องค์กรธุรกิจไทยปกป้องชื่อเสียงของตน สร้างความมั่นใจในการทำงานของระบบ และรักษาความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจดิจิทัลไว้ได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย”






