Sunday, December 7, 2025
Industry4.0InnovationNEWSOperation Technology

Universal Robots เดินหน้าสนับสนุนอุตสาหกรรมไทยสู่อุตสาหกรรม 4.0 โชว์นวัตกรรมหุ่นยนต์ CoBot ด้วยนวัตกรรมชั้นสูง

Universal Robots

Universal Robots เปิดตัวนวัตกรรมอนาคตแห่งระบบอัตโนมัติในงาน Collaborate Thailand 2025 พร้อมโชว์ไฮไลต์ AI Accelerator และไลน์อัปโคบอทรุ่นใหม่ล่าสุด UR8 Long, UR15, UR7e และ UR12e

Universal Robots (UR) บริษัทผู้ให้บริการโซลูชันเทคโนโลยีด้านหุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงาน (Collaborate Robots: CoBot) จัดงาน Collaborate Thailand 2025 อย่างยิ่งใหญ่ในกรุงเทพฯ ตอกย้ำศักยภาพการเติบโตของประเทศไทยในด้านระบบอัตโนมัติแบบโคบอท 

ภายในงานมีการจัดแสดงหุ่นยนต์โคบอทกว่า 15 units บนพื้นที่จัดแสดง ทำให้ Collaborate Thailand ก้าวขึ้นเป็นงานสัมมนาโคบอทที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 300 คน ทั้งผู้บริหารระดับตัดสินใจ ผู้นำอุตสาหกรรม และพันธมิตรในระบบนิเวศของ UR มารวมตัวกันเพื่อสัมผัสโซลูชันฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และ AI ล้ำสมัยที่จะพลิกโฉมอุตสาหกรรมในอนาคต

ภายใต้ธีม “Collaborative Automation: The Future of Industry” ของงานในปีนี้ UR ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่หลายรายการ ได้แก่ โคบอทรุ่น UR8 Long ซึ่งได้เปิดตัวในระดับโลกไปในเดือนที่ผ่านมา และโคบอทรุ่น UR15 ที่มอบประสิทธิภาพการเคลื่อนไหวเหนือระดับ พร้อมความเร็วสูงสุดที่จุดศูนย์กลางของอุปกรณ์ที่ต่อเพิ่ม (tool center point: TCP) ได้สูงสุดถึง 5 เมตรต่อวินาที

พร้อมยกระดับประสิทธิภาพและสมรรถนะให้ภาคการผลิตไทย

ปุย ตงถัง รองประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท Teradyne Robotics กล่าวว่า “ระบบอัตโนมัติไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นความจำเป็นเชิงกลยุทธ์สำหรับผู้ผลิตที่กำลังเผชิญกับปัญหาขาดแคลนแรงงาน แรงกดดันด้านต้นทุน และความต้องการด้านการผลิตที่ซับซ้อน” 

ปุย ตงถัง รองประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก, Teradyne Robotics

“ปัจจุบันบทสนทนาได้เปลี่ยนจากคำถามว่า ‘ทำไมต้องทำ’ มาเป็น ‘จะทำได้เร็วแค่ไหน’ ซึ่ง Teradyne Robotics กำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงนี้ ด้วยการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เชิงกายภาพ (Physical AI)”

“และระบบอัตโนมัติที่ยืดหยุ่นจากแนวคิดมาสู่การใช้งานจริง เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและสมรรถนะของภาคการผลิตทั่วโลกอย่างเป็นรูปธรรม”

“ประเทศไทยยังคงเป็นหนึ่งในศูนย์กลางด้านการผลิตยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกำลังเผชิญกับความต้องการด้านระบบอัตโนมัติที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

“อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์มีส่วนสำคัญต่อการรักษาฐาน หรือเพิ่มมูลค่าผลผลิตมวลรวมให้ประเทศไทย ซึ่งเมื่อผู้ผลิตในประเทศไทยมีการพัฒนาเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำงานได้เร็วขึ้น สามารถผลิตสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมได้” 

“ตลอดจนการยกระดับอีโคซีสเต็ม ที่ประกอบไปด้วยบริษัทผู้ผลิตเอง บริษัทนักพัฒนาซอฟต์แวร์ท้องถิ่น กลุ่มบริษัทผู้ติดตั้งระบบ (SI) กลุ่มผู้ขายระบบแขนกลอัตโนมัติ สามารถขายผลิตภัณฑ์หรือทำตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จุดนี้เองย่อมส่งผลต่อตัวเลขอุตสาหกรรมในภาพรวม ที่สะท้อนถึงการเติบโตของ GDP ประเทศไทยได้”

“ในขณะที่ Universal Robots ให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมโดยเห็นได้จากการให้ความสำคัญในสามประเด็นคือ หนึ่งผลิตภัณฑ์ของ UR ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สองคือ ตัวหุ่นยนต์ของ UR มีการใช้พลังงานน้อยกว่าหลายๆ แบรนด์ในตลาด เนื่องมาจากการออกแบบให้ตัวหุ้นยนต์มีขนาดเล็กแต่สามารถยกหรือทำงานกับวัตถุขนากใหญ่ได้ในสัดส่วนที่ดีที่สุดในตลาด

“และประเด็นที่สามคือ บริษัทผู้ผลิตต่างๆ ที่มีการใช้งานแขนกลของ UR จะได้ประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถทำงานได้เร็วกว่าในปริมาณงานที่เท่ากัน นั่นหมายถึงการที่ใช้พลังงานน้อยกว่า” ผู้บริหารกล่าว

ขณะที่ โคลิน โซห์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย บริษัท Teradyne Robotics เล็งเห็นถึงโอกาสในการเติบโตของไทย กล่าวว่า “ประเทศไทยมีปัจจัยพื้นฐานที่เหมาะสมในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำระดับภูมิภาคด้านระบบอัตโนมัติ ผ่านการสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งจากภาครัฐ บุคลากรที่มีทักษะ และฐานการผลิตที่มั่นคง” 

“ซึ่งเรามุ่งมั่นที่จะทำให้ระบบอัตโนมัติขั้นสูงเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ด้วยหุ่นยนต์โคบอทรุ่นใหม่ล่าสุด ซอฟต์แวร์อัจฉริยะ และรุ่นที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับตลาด เช่น UR7e และ UR12e เพื่อสนับสนุนการเดินหน้าสู่เป้าหมายอุตสาหกรรม 4.0 ของประเทศไทยอย่างเต็มศักยภาพ”

AI Accelerator และโคบอทรุ่นใหม่ ดึงดูดทุกสายตาในงาน

AI Accelerator ของ UR ออกแบบมาเพื่อมอบความสามารถด้านปัญญาประดิษฐ์และการปรับตัวอย่างชาญฉลาดให้กับระบบอัตโนมัติ ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของงาน 

โดย AI Accelerator ของ UR ทำงานบนระบบโมดูล NVIDIA Jetson AGX Orin และขับเคลื่อนด้วยชุดเครื่องมือเร่งความเร็วด้วย CUDA ของ NVIDIA Isaac และโมเดล AI ทำให้สามารถมอบแพลตฟอร์มที่ยืดหยุ่นให้กับนักพัฒนาในการสร้างและทดสอบแอปพลิเคชัน ลดระยะเวลาการออกสู่ตลาด และช่วยแก้ปัญหาที่เคยเป็นไปไม่ได้ในวงการหุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงาน 

อีกทั้งแพลตฟอร์มนี้ช่วยให้สามารถพัฒนาโซลูชันระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI ได้อย่างรวดเร็ว ครอบคลุมการใช้งาน เช่น การตรวจจับวัตถุด้วย AI (AI Object Detection), การวางแผนเส้นทางอัจฉริยะ (Smart Path Planning), การตรวจหาความบกพร่องด้วย AI (AI Defect Detection) และ การปรับพื้นที่ทำงานให้แม่นยำ(Workspace Calibration)

นอกจากฮาร์ดแวร์ล้ำสมัยแล้ว UR ยังได้สาธิตซอฟต์แวร์และบริการล่าสุด ซึ่งรวมถึง PolyScope X ที่มาพร้อมฟีเจอร์นวัตกรรมอย่าง Motion+, OptiMove, Teach Mode และ UR Studio รวมถึง URCare บริการระดับโลกเฉพาะของบริษัทที่สนับสนุนธุรกิจทั่วโลก ทั้งนี้ URCare ถือเป็นบริการที่โดดเด่นและไม่มีใครเทียบได้ในอุตสาหกรรม ซึ่งสะท้อนถึงความเชี่ยวชาญและความมุ่งมั่นของ UR ที่มีต่อความสำเร็จระยะยาวของลูกค้า

โชว์ศักยภาพผ่านการใช้งานจริง

ยิ่งไปกว่านั้น Collaborate Thailand 2025 ในปีนี้ ยังมีการสาธิตนวัตกรรมหุ่นยนต์โคบอท พร้อมกับพันธมิตร UR+ ที่มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การประยุกต์ใช้จริงในหลายภาคอุตสาหกรรม เช่น การบรรจุภัณฑ์ การประกอบ การเชื่อม การตรวจสอบคุณภาพ และอื่นๆ 

การสาธิตเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า ระบบนิเวศระดับโลกของ UR ช่วยสร้างประสบการณ์ระบบอัตโนมัติแบบครบวงจร ทำให้ธุรกิจทุกขนาดสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพงานได้อย่างเต็มความสามารถยิ่งขึ้น

จากนวัตกรรมเหล่านี้ ลูกค้าของ UR ได้นำหุ่นยนต์โคบอทไปประยุกต์ใช้เพื่อแก้ปัญหาจริงในสายการผลิต ตัวอย่างเช่น บริษัท Toyoda Gosei (Thailand) ได้นำแนวคิดงานกลไกแบบญี่ปุ่น “คาราคุริ (Karakuri)” มาผสานกับหุ่นยนต์โคบอทของ UR เพื่อสร้างระบบอัตโนมัติที่มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น