Friday, December 5, 2025
AIArticlesBig DataData AnalyticsHealthTech

ปฏิวัติอุตสาหกรรมเฮลธ์แคร์ ด้วยพลังของ Data AI และ Robotics

เอ้ก ดิจิทัล

ทำความเข้าใจองคาพยพของแนวคิด Patient Singularity บนข้อมูล ที่มาพร้อมการเรียนรู้ และประมวลผลด้วยปัญญาประดิษฐ์ จะปฏิวัติระบบการแพทย์และการดูแลสุขภาพอย่างแท้จริง

นงานสัมมนา Reimagine Healthcare: Connected Health Empower Lives ที่จัดโดย True Business เป็นอีกหนึ่งเวทีที่มีการกล่าวถึงแนวคิดเรื่อง Patient Singularity: Precision Healthcare Through Data, AI & Robotics

หรือ การดูแลสุขภาพที่ใช้ AI ขั้นสูง บิ๊กดาต้า และหุ่นยนต์ เพื่อสร้างมุมมองที่ครอบคลุมและเป็นหนึ่งเดียวเกี่ยวกับข้อมูลสุขภาพของผู้ป่วย ช่วยให้การรักษาเป็นไปอย่างเฉพาะบุคคล เชิงรุก และแม่นยำ แทนที่จะเป็นการรักษาแบบรับมือ

โดยผู้จัดงานและผู้เข้าร่วมงาน ต่างมองเป้าหมายตรงกันที่ต้องการเดินหน้าขับเคลื่อนอนาคตอุตสาหกรรมเฮลธ์แคร์การแพทย์สู่มิติใหม่ ด้วยพลังดาต้าเชิงลึก, AI และ Robotics

มุ่งยกระดับ Healthcare Ecosystem เปลี่ยนการรักษาแบบตอบสนอง (Reactive Care) สู่การรักษาเชิงรุก (Proactive Care) มอบการรักษาแบบเฉพาะบุคคลที่แม่นยำและตรงจุด อีกทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการทรัพยากรทางการแพทย์อย่างยั่งยืน

หนึ่งในผู้บรรยายที่ขึ้นให้ข้อมูล และอธิบายถึงองคาพยพของ Patient Singularity ได้อย่างรอบด้านคือ ดร. ธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด บริษัทผู้ให้บริการการตลาดดิจิทัล

เรื่องนี้อาจใหม่กับหลายๆ คน แต่ไม่อยากให้พลาดเพราะนี่คือ หลักฐานสำคัญที่ชี้ชัดว่า ข้อมูล ที่มาพร้อมการเรียนรู้และประมวลผลด้วยปัญญาประดิษฐ์ จะปฏิวัติระบบการแพทย์และการดูแลสุขภาพอย่างแท้จริง

เปิดประเด็น Patient Singularity รวมศูนย์ข้อมูลทุกมิติ

ดร. ธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด

ดร. ธีรเดช กล่าวว่า “ความท้าทายของระบบสาธารณสุขไทยคือ ข้อมูลสุขภาพที่มีมหาศาลและกระจัดกระจาย ทั้งจากเวชระเบียน ผลตรวจแล็บ ร้านขายยา ไปจนถึงข้อมูลจากสมาร์ทโฟน แม้ปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีที่พยากรณ์สิ่งต่างๆ ได้ล่วงหน้า แต่แพทย์กลับเข้าถึงข้อมูลได้บางส่วนเท่านั้น ทำให้การวินิจฉัยล่าช้า เกิดข้อจำกัดในการรักษา และต้นทุนค่ารักษาสูง”

“นอกจากนี้ ระบบสุขภาพส่วนใหญ่ยังเป็นแบบ Reactive Care คือรักษาเมื่อผู้ป่วยมีอาการเกิดขึ้นแล้ว ในโอกาสนี้ เอ้ก ดิจิทัล จึงนำความเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่มาต่อยอดผ่านแนวคิด Patient_Singularity ที่ใช้ AI และ Robotics รวมข้อมูลสุขภาพทุกมิติ ตั้งแต่พันธุกรรม พฤติกรรม  ไลฟ์สไตล์ ไปจนถึงสิ่งแวดล้อม”

“เพื่อยกระดับสู่การรักษาเชิงรุกและการดูแลเฉพาะบุคคลที่แม่นยำ ตอบโจทย์ผู้ป่วยอย่างแท้จริง สอดรับกับเทรนด์ Healthcare โลก ที่กำลังก้าวสู่ระบบสุขภาพที่เชื่อมต่อข้อมูลแบบครบวงจร” 

การเชื่อมต่อข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย 5Cs ได้แก่ 

Connect – การเชื่อมต่อข้อมูล 720 องศาจากหลายแหล่ง เพื่อให้เห็นพฤติกรรมทั้งในและนอกโรงพยาบาลแบบมุมมองเดียว (One Patient View) ด้วย Singularity Insight 

Create – นำเทคโนโลยีมาหาอินไซท์ที่แม่นยำและตอบความต้องการผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Communicateการสื่อสารข้อความที่ใช่สำหรับผู้ป่วยแต่ละบุคคลผ่านช่องทางเหมาะสม

Convertการเปลี่ยนข้อมูลเพื่อสร้างการมีส่วนร่วม

และ Curate – การบูรณาการข้อมูล ความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยีเพื่อขับเคลื่อนผลลัพธ์ที่มีคุณค่าที่ยั่งยืน

เมื่อ 5Cs ทำงานร่วมกันจะเกิดเป็น Infinity Loop of Growth ที่เชื่อมโยงข้อมูลอินไซท์การสื่อสารการมีส่วนร่วม และการสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืน พร้อมสร้างผลกระทบเชิงบวกให้บุคคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วย และอุตสาหกรรมอย่างไร้ขีดจำกัด

AI และ Data เครื่องยนต์ขับเคลื่อนอนาคตของระบบการดูแลสุขภาพ

ดร. ธีรเดช เชื่อว่าแนวคิด Patient_Singularity จะสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยได้มากมาย ทั้งลดภาระงานของแพทย์และพนักงาน ช่วยจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนการดำเนินงาน

สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในตลาดเฮลท์แคร์ และสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยข้อมูลสุขภาพ ขณะเดียวกันยังช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการ และสร้างแผนการป้องกันโรคที่มีประสิทธิภาพให้กับผู้ป่วย และนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับคนไทยอย่างยั่งยืน

ซึ่งกระบวนการทำงานของ Patient_Singularity จำเป็นต้องได้รับการชับเคลื่อนโดยโซลูชันทางการแพทย์ที่ทำงานประสานกันระหว่าง AI และ Data และต้องประกอบด้วยฟังก์ชันสำคัญ นั่นคือ

AI Image Recognition เปลี่ยนการตรวจภาพถ่ายทางการแพทย์ด้วยตาเปล่า เช่น ภาพ X-ray, MRI, CT scan มาใช้เครื่องมือ AI และดาต้าในการวิเคราะห์ เพื่อช่วยแพทย์วินิจฉัยหรือระบุความผิดปกติได้รวดเร็วและแม่นยำขึ้น

Patient Flow & Wait Time Analytics ใช้ข้อมูลจากระบบการสื่อสาร และการบริหารความสัมพันธ์กับผู้ป่วย (CRM) คาดการณ์ปริมาณผู้ป่วย ปรับการจัดการบุคลากร ลดเวลารอคอยของผู้ป่วย เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรและระบบของโรงพยาบาล

Wellness & Prevention Platform แพลตฟอร์มรวบรวมและผสานข้อมูลจากหลายแหล่งเข้าไว้ด้วยกัน เช่น ข้อมูลจาก DNA, IoT Devices และ Mobility Data เพื่อแนะนำการดูแลเชิงป้องกันและสร้างโปรแกรมดูแลสุขภาพแบบ Personalized

AI Translation ระบบแปลภาษาแบบเรียลไทม์ที่ช่วยลดอุปสรรคด้านภาษาในการสื่อสารระหว่างผู้ป่วยกับบุคลากรทางการแพทย์

“หัวใจสำคัญของแนวคิดนี้ไม่ได้มีเพียงแค่การนำข้อมูล, AI หรือ Robotics มาใช้เท่านั้น แต่ต้องให้ความสำคัญกับการจัดการข้อมูลอย่างปลอดภัย โปร่งใส และเป็นไปตามกฎหมาย PDPA เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับแพทย์และผู้ป่วยไปพร้อมกัน”

“อย่างไรก็ตาม หากโรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ต้องการยกระดับการดูแลผู้ป่วยสู่มาตรฐานใหม่ สิ่งสำคัญคือการเตรียมความพร้อมด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐาน การผนึกร่วมมือพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านดาต้า AI และเข้าใจธุรกิจเฮลท์แคร์อย่างลึกซึ้ง และการพัฒนาทักษะบุคลากรให้สามารถใช้เครื่องมือ AI ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ”

“เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนยกระดับระบบเฮลท์แคร์ของไทยให้ก้าวสู่ยุค The Age of Me ยุคแห่งการดูแลสุขภาพที่ผู้ป่วยทุกคนได้รับการดูแลด้วยความเข้าใจแบบเฉพาะบุคคลที่แม่นยำ ปลอดภัย และยั่งยืน” ดร. ธีรเดช กล่าวทิ้งท้าย

Featured Image: freepik