SCG จับมือ SC ASSET รับเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ 2023 ยกระดับคุณภาพการอยู่อาศัยอีกขั้น ด้วย ‘SCG Active AIR Quality’ ดันนวัตกรรมเติมอากาศดีให้บ้าน
เอสซีจี ผู้นำด้านวัสดุก่อสร้าง สินค้าและนวัตกรรมเพื่อที่อยู่อาศัยครบวงจร จับมือ “บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน)” ผู้นำการส่งมอบ Living Solutions สินค้าคุณภาพมาตรฐานสูงเพื่อทุกเช้าที่ดี ซึ่งนับเป็นรายแรกที่ร่วมเดินหน้าส่งนวัตกรรม ‘SCG Active AIR Quality’ เครื่องเติมอากาศดีสำหรับบ้านและคอนโด ภายใต้แนวคิดและวิสัยทัศน์เดียวกัน
สอดรับกับเทรนด์ความต้องการและพฤติกรรมที่หลากหลายของผู้บริโภคปัจจุบัน ที่มุ่งเน้นให้ความสนใจในด้านเทคโนโลยีทันสมัย ที่ตอบโจทย์เรื่องสุขอนามัย และความปลอดภัยเป็นสำคัญ จึงได้นำร่องติดตั้งเครื่องเติมอากาศดี กว่า 1,000 ยูนิต ภายในปี 2566 เพื่อยกระดับคุณภาพและร่วมผลักดันมาตรฐานอีกขั้นให้กับบ้านที่พักอาศัยยุคใหม่
วชิระชัย คูนำวัฒนา Head of Smart System Solution Business ในธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี กล่าวว่า จากสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งปฎิเสธไม่ได้ว่าเรื่องฝุ่น PM 2.5 ในประเทศไทยกำลังเข้าสู่ขั้นวิกฤต
โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครติดอันดับต้น ๆ ของเมืองที่มีมลพิษมากที่สุดของโลก แม้แต่ในบ้านเรายังต้องเสี่ยงกับฝุ่น PM 2.5 เชื้อโรคทั้งแบคทีเรีย ไวรัส และมลพิษที่ลอยอยู่ในอากาศ ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยตรง
ซึ่งเอสซีจีได้เล็งเห็นและเข้าใจถึงความสำคัญด้านสุขภาพ และความปลอดภัยของผู้บริโภค ไปสู่การพัฒนาสินค้าเพื่อยกระดับคุณภาพอากาศที่คนเมืองกำลังเผชิญ ด้วยเหตุนี้จึงได้พัฒนาสินค้านวัตกรรม ‘SCG Active AIR Quality’ เครื่องเติมอากาศดีสำหรับบ้านและคอนโด ภายใต้แนวคิด ‘Clean Air For All’ ผลักดันโซลูชันเพื่ออากาศสะอาดและคุณภาพชีวิตการอยู่อาศัยที่ดีสำหรับทุกคนในบ้าน
“ในปี 2566 เอสซีจีได้วางกลยุทธ์ให้สินค้านวัตกรรม SCG Active AIR Quality เดินหน้ารุกตลาด Housing Project ให้เครื่องเติมอากาศดีเป็นส่วนสำคัญของบ้าน โดยร่วมกันกับทางโครงการตั้งแต่การ Co-Design แบบก่อสร้างเพื่อออกแบบวิธีการติดตั้งที่ได้ทั้งความสวยงามและฟังก์ชัน ตลอดจนการบริการหลังการขายที่ดูแลอย่างมืออาชีพและครบวงจร
พร้อมกันนี้ เอสซีจียังตั้งเป้าผลักดันยอดขาย SCG Active AIR Quality ที่ 100 ล้านบาทภายในปี 2566 โดยโฟกัสไปยังโครงการบ้าน รวมถึงเจ้าของบ้านทั่วประเทศ ที่ใส่ใจสุขภาพ และความปลอดภัย โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กเล็กในบ้าน กลุ่มเสี่ยงต่อโรคภูมิแพ้ ผู้สูงอายุ และยังรวมไปถึงบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงอีกด้วย
โดยล่าสุดเอสซีจีได้ร่วมมือกับทาง SC Asset ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของไทย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในการร่วมผลักดันสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับที่พักอาศัย โดยเฉพาะเรื่องคุณภาพอากาศ ติดตั้งเครื่องเติมอากาศดีให้กับโครงการบ้าน SC Asset ซึ่งเอสซีจีมีทีมงาน Smart Living Solution Tech พร้อมร่วมออกแบบระบบ SCG Active AIR Quality ให้เหมาะสมกับงานโครงการแต่ละประเภท”
หลักการทำงานของ SCG Active AIR Quality คือ เติมอากาศดีเข้าบ้าน เป็นหลักการที่ช่วยให้เกิดอากาศหมุนเวียนที่ดีอยู่ตลอดเวลา โดยอากาศใหม่นี้จะมีคุณภาพดีตั้งแต่แรกจากตัวกรอง 5 ชั้น
- เริ่มจากการกรองฝุ่น PM 2.5 กรองและกำจัดเชื้อโรค ไวรัส แบคทีเรีย รวมถึงไวรัสโคโรน่า สาเหตุของโรคโควิด-19 ได้ 99% ด้วยแผ่นกรอง HEPA H13 filter และ Anti-viral filter
- หลังจากนั้น สร้างอากาศแรงดันบวกภายในห้อง จากการที่มีอากาศสะสมภายในห้องมากขึ้น จึงเกิดเป็นแรงดันบวก หรือ Positive Pressure (กรณีในพื้นที่ปิด) ที่จะดันอากาศเสียสะสม มลภาวะ ฝุ่น เชื้อโรคที่ตกค้างในอากาศออกสู่ภายนอก จึงทำให้อากาศภายในห้องเป็นอากาศคุณภาพดีตลอดเวลา
- เมื่ออากาศที่เข้าสู่ตัวบ้านมีคุณภาพดี จะเป็นการเติมออกซิเจนให้กับตัวบ้าน ช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศที่เกิดจากการสะสมภายในห้องลดลงได้ถึง 70% ภายใน 1 ชั่วโมงอีกด้วย
ด้าน ดิเรก ตยาคี Head of Tech Solutions บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC Asset กล่าวว่า ปัจจุบันเทรนด์และพฤติกรรมของผู้บริโภคมีความหลากหลายมากขึ้น มองหาสิ่งที่มาตอบโจทย์แตกต่างกัน
สำหรับ SC Asset เราพัฒนาสินค้าและบริการแบบยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Human Centric) จึงมีการออกแบบดีไซน์ที่อยู่อาศัยเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างตรงจุด อีกทั้งยังได้วางกลยุทธ์เพื่อพัฒนาในส่วนดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
โดยจัดตั้งทีมเฉพาะ ‘Design Core Team’ ไปพร้อม ๆ กับการวางคอนเซปท์ ‘H .O. U. S. E. S’ คือให้ความสำคัญต่อด้านดีไซน์และการอยู่อาศัย (H : Home is Everything) การเลือกใช้วัสดุคุณภาพ (O : Old) การใส่ใจในเรื่องสุขภาพ (U : Unhealthy) ความปลอดภัย (S : Safety)
การดูแลรักษา (E : Expense) ตลอดจนด้านสินค้าและบริการของ SC Asset ต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (S : Scero House) โดยพบข้อสรุปว่า ในด้านพฤติกรรมและความสนใจของกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ในประเภทบ้านเดี่ยว ของปี 2566 อันดับต้น ๆ คือ ความต้องการด้านนวัตกรรมจัดการคุณภาพอากาศ มากถึง 83% รองลงมา Smart Home ด้านความปลอดภัย 75% และ ด้านความสะดวกสบาย 66% จะเห็นได้ว่ากลุ่มเป้าหมายปัจจุบันมองหาด้านเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์ทุกมิติในชีวิตประจำวัน
โดยในปี 2566 ทาง SC Asset ได้วางเป้าหมายติดตั้งเครื่องเติมอากาศดีสำหรับบ้านและคอนโด กว่า 1,000 ยูนิต ปัจจุบันนำร่องติดตั้งไปแล้ว จำนวน 8 โครงการแนวราบ 106 ยูนิต เพื่อส่งมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยและคุณภาพอากาศที่ดีในบ้านให้กับผู้บริโภค