แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่จะเกิดขึ้นในปี 2025
“ผู้เขียนขอพูดถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่จะเกิดขึ้นในปี 2025 ที่จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้านเทคโนโลยี การเมือง และสังคม สำหรับผู้ที่ต้องการอยู่รอดและเติบโตในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในปัจจุบัน การทำความเข้าใจกับความเปลี่ยนแปลงดิจิทัลคือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
แม้ดูเหลือเชื่อแต่อีกไม่นานจะเข้าสู่ปี ค.ศ.2025 ซึ่งก็หมายความว่า ถึงเวลาที่ต้องเลือกแนวโน้มทางเทคโนโลยีที่เชื่อกันว่า จะมีความสำคัญที่สุดสำหรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง แนวโน้มทางเทคโนโลยีที่โดดเด่นที่สุดไม่ได้มีแค่คำล่ำลือเท่านั้น แต่ยังระบุถึงทิศทางของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงชีวิตได้มากที่สุด
อีกทั้งยังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวิถีการใช้ชีวิตและการทำงาน อันรวมถึงวิธีที่มนุษย์โต้ตอบและเข้าใจกับสิ่งที่อยู่รอบตัว เหล่านี้ถือเป็นเทคโนโลยีที่สร้างการเปลี่ยนแปลงได้มากสุด (The most transformative technologies) ที่เชื่อว่าทุกคนและทุกธุรกิจควรมีไว้นำทางถ้าต้องการก้าวไปข้างหน้า
แต่ละเทคโนโลยีล้วนนำเสนอโอกาสที่รุ่งเรือง แต่ก็ก่อให้เกิดความเสี่ยงและความท้าทายทางจริยธรรมที่ไม่สามารถละเลยได้
ผู้เขียนจึงขอเริ่มต้นด้วยแนวโน้มทางเทคโนโลยีที่สร้างการเปลี่ยนแปลงได้มากสุด ตามมาด้วยแนวโน้มทางเทคโนโลยีที่สร้างการเปลี่ยนเแปลงรองลงมา ซึ่งจะเจาะลึกลงไปและสำรวจในระดับที่ละเอียดขึ้น พร้อมกับการนับถอยหลังจนก้าวเข้าสู่ปี ค.ศ.2025 โดยบทความมีมุมมองและรายละเอียดดังนี้
AI จะบูรณาการเข้ากับการทำงานและวิถีการใช้ชีวิตของมนุษย์มากขึ้น
คงไม่น่าแปลกใจนักที่จะเลือก AI เป็นเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงชีวิตได้มากที่สุด อีกทั้งยังสร้างผลกระทบครั้งใหญ่สุดต่อชีวิตของมนุษย์ในปีหน้า ซึ่งในปี ค.ศ.2025 AI จะไม่ใช่เทคโนโลยีแห่งอนาคตอีกต่อไป แต่ AI อยู่ที่นี่และตอนนี้
ความจริงก็คือมนุษย์ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการนำ AI มาใช้ มนุษย์จะได้เห็นการพัฒนาที่บุกเบิกแนวทางใหม่ๆ ในรูปแบบที่น่าทึ่งและบางครั้งก็น่ากลัวขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญในด้านไอทีเชื่อว่า กรณีการใช้งาน AI ที่มีผลกระทบมากที่สุดในปี ค.ศ. 2025 จะเป็นกรณีที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยกัน ระหว่างมนุษย์และเครื่องจักร ซึ่งหมายถึงเครื่องมือ AI หลายอย่าง (AI tools) จะถูกนำมาใช้มากขึ้น เพื่อช่วยเหลือมนุษย์ในการทำงานแต่ละวัน
สิ่งที่ได้รับนั้นช่วยเพิ่มทักษะและความสามารถของมนุษย์ความก้าวหน้าที่ดึงดูดความสนใจอาจเป็นประเด็นร้อนได้ เช่น จะได้เห็นวิดีโอในเชิงสร้างสรรค์ (Generative video) กลายเป็นกระแสหลัก โมเดล AI นั้นสามารถสร้างวิดีโอจากคำสั่งข้อความบน Sora ของบริษัท OpenAI (OpenAI’s Sora) ซึ่งสามารถสร้างฉากที่สมจริงและจินตนาการได้ความยาวไม่เกิน 1 นาที
เมื่อผู้สร้างภาพยนตร์และนักออกแบบนำมาใช้กันมากขึ้น โดยแนวโน้มทางเทคโนโลยีจะมุ่งไปในทิศทางของ AI ที่ได้เข้ามาปรับปรุงชีวิตของมนุษย์ในรูปแบบที่ราบรื่นและละเอียดอ่อนมากขึ้น เครื่องมือและแอพพลิเคชัน AI จะบูรณาการเข้ากับการทำงานและวิถีการใช้ชีวิตของมนุษย์มากขึ้น ซึ่งช่วยให้ตัดสินใจได้ดีขึ้นโดยอาศัยข้อมูลมากขึ้น ที่สำคัญนั้น มันสามารถเพิ่มความคิดสร้างสรรค์และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของมนุษย์
ความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นองค์ประกอบที่สำคัญระดับชาติและระดับโลก
ในปี ค.ศ.2025 ภัยคุกคามจากแฮกเกอร์, การขโมยข้อมูล และการโจมตีทางไซเบอร์อื่นๆ ที่มีต่อธุรกิจทั่วโลกนั้นร้ายแรงขึ้น แต่ภัยคุกคามที่มีต่อสังคม, ความมั่นคงแห่งชาติ และความปลอดภัยสาธารณะนั้นดูลดน้อยลงกว่าที่เป็นมา
ขณะเดียวกันในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการโจมตีโครงสร้าง พื้นฐานที่สำคัญเพิ่มขึ้น โดยผู้ก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์นั้นได้ทำการโจมตีโครงข่ายพลังงาน (Energy grids), โครงสร้างพื้นฐานด้านการดูแลสุขภาพ (Healthcare infrastructure) หรือแม้แต่ระบบการเลือกตั้ง (Electoral systems)
การโจมตีเหล่านี้มีแนวโน้มจะทำลายการให้บริการที่จำเป็นที่มนุษย์นั้นได้พึ่งพาในแต่ละวัน, ทำลายเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และทำลายความไว้วางใจของผู้ใช้ที่มีต่อผู้ที่ทำหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัย
โดยวิธีที่แก้ปัญหา คงไม่พ้นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนระดับชาติที่เพิ่มขึ้นในโครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ รวมถึงความร่วมมือระหว่างรัฐต่างๆ เพื่อแบ่งปันข่าวกรองและพัฒนากลยุทธ์ในการป้องกันทางไซเบอร์ร่วมกัน
ระบบ AI ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่นั้นจะมีความสำคัญและมีบทบาท ในการตรวจจับและป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ได้อย่างอัตโนมัติ (Automation) แบบเรียลไทม์ ซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีทางไซเบอร์
แต่เทคโนโลยีแบบเดียวกันนี้ก็มีแนวโน้มเช่นกันที่จะถูกผู้โจมตีนำไปใช้เพื่อทำให้การใช้ชีวิตของมนุษย์นั้นยากขึ้น ที่สำคัญโมเมนตัมของการคุกคามในทางไซเบอร์ต่อองค์กรทางการเมืองจะเกิดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคงได้เห็นการโจมตีเชิงกลยุทธ์ที่ส่งผลกระทบอย่างมากจะเกิดขึ้นใกล้กับช่วงเวลาที่สำคัญ
ทั้งนี้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในทาง การเมือง (Political aims) ด้วยเหตุนี้เชื่อว่าปี ค.ศ.2025 จะเป็นปีที่ผู้เกี่ยวข้องเริ่มเห็นว่าความปลอดภัยทาง (Cybersecurity) ไม่ใช่แค่ปัญหาทางเทคนิคที่ธุรกิจต้องแก้ไขเท่านั้น แต่ยังเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของความปลอดภัยระดับชาติและระดับโลกอีกด้วย
คอมพิวเตอร์ควอนตัมเพิ่มพลังในการประมวลผลทางธุรกิจ
องค์การสหประชาชาตินั้นได้ประกาศว่าปี ค.ศ.2025 จะเป็น ปีสากลแห่งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควอนตัม ถึงแม้ว่าการประมวลผลด้วยควอนตัม (Quantum computing) อาจยังไม่แพร่หลายในรูปแบบที่หลายๆ คนมองเห็น
แต่ในปี ค.ศ.2024 ได้เกิดกรณีในการใช้งานจริงที่สำคัญหลายกรณี อันรวมถึงในการค้นพบยา (Drug discovery) และการแก้ปัญหาในการเพิ่มประสิทธิภาพ (Solving optimization problems) ด้านการเงินและโลจิสติกส์
การประมวลผลด้วยควอนตัมได้ใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติที่มีความสามารถในการคำนวณจำนวนมหาศาลไปพร้อมๆ กัน โดยการควบคุมองค์ประกอบที่มหัศจรรย์ของฟิสิกส์ควอนตัม เช่น การเชื่อมโยงของควอนตัม (Quantum entanglement) และการทับซ้อนตำแหน่งของควอนตัม (Quantum superposition)
ซึ่งช่วยให้สามารถทำงานได้ ด้วยการใช้ควอนตัมบิต (qubits) ที่มีได้ในหลายสถานะพร้อมกัน แทนที่จะเป็นแบบสถานะ 1 หรือ 0 เช่นเดียวกับบิตคอมพิวเตอร์ (Computer bits) ในแบบเดิม
เพื่อดำเนินงานการประมวลผลบางอย่างได้เร็วกว่าคอมพิวเตอร์แบบดั้งเดิมหลายร้อยล้านเท่า ด้วยการพัฒนาใหม่ๆ (New developments) การประมวลผลด้วยควอนตัมบนคลาวด์ (Cloud-based quantum computing) ที่อาจทำให้เทคโนโลยีนี้พร้อมใช้งานสำหรับธุรกิจและองค์กรต่างๆ มากขึ้น
ซึ่งในปี ค.ศ.2025 อาจจะเป็นปีที่เทคโนโลยีนี้ มีผลกระทบต่อชีวิตของมนุษย์มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ท้ายที่สุดแล้ว ผู้เชี่ยวชาญได้คาดการณ์ว่า การประมวลผลด้วยควอนตัม (Quantum computing) จะปฏิวัติในหลายสาขา อาทิเช่น การสร้างแบบจำลองสภาพอากาศ, การค้นพบวัสดุ (Material discovery), จีโนมิกส์ (Genomics), พลังงานสะอาด
และการเข้ารหัสในอนาคตอันใกล้นี้ ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านเชื่อว่า สิ่งนี้จะส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อวิวัฒนาการของ AI เนื่องจากอัลกอริทึมควอนตัมจะประมวลผลข้อมูลที่จำเป็นสำหรับแอพพลิเคชั่นคอมพิวเตอร์วิทัศน์หรือที่เรียกว่า Computer vision applications ซึ่งถือเป็นศาสตร์ที่ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจภาพหรือวิดีโอ ในรูปแบบเดียวกันกับระบบการมองเห็นของมนุษย์
อย่างเช่น การขับขี่แบบไร้คนขับ (Autonomous driving) ด้วยความเร็วที่ไม่เคยมีมาก่อน อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญยังได้คาดการณ์ว่าปี ค.ศ.2025 อาจเป็นวันแห่ง “Q-Day” อันถือเป็นจุดเริ่มทางทฤษฎีในเวลาที่คอมพิวเตอร์ควอนตัม (Quantum computers) นั้น จะมีประสิทธิภาพที่เพียงพอสามารถถอดรหัสได้จากวิธีการเข้ารหัสที่ซ้ำๆ กัน ซึ่งส่งผลร้ายแรงต่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย (Privacy and Security)
ข้อคิดที่ฝากไว้
ปี ค.ศ.2025 ถือเป็นจุดกึ่งกลางของทศวรรษ นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านเทคโนโลยี, การเมือง และสังคม เมื่อเข้าใกล้ครึ่งหลังของทศวรรษนี้ ก็มองไม่เห็นเหตุผลที่จะคาดหวังให้การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ชะลอตัวลง
สำหรับผู้ที่ต้องการอยู่รอดและเติบโตในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในปัจจุบัน การทำความเข้าใจกับ AI จะบูรณาการเข้ากับการทำงานและวิถีการใช้ชีวิตของมนุษย์มากขึ้น, ความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นองค์ประกอบที่สำคัญระดับชาติและระดับโลก
อีกทั้งคอมพิวเตอร์ควอนตัมเพิ่มพลังในการประมวลผลทางธุรกิจ ถือเป็นสิ่งสำคัญแห่งการกำหนดทิศทางธุรกิจในปีหน้า (ค.ศ.2025) เหล่านี้มีความสำคัญสำหรับ ผู้เกี่ยวข้องทุกท่านที่ต้องการใช้ประโยชน์จากแนวโน้มทางเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มการเติบโตและเพิ่มความสามารถขององค์กรสำหรับ…การแข่งขันทางธุรกิจในปี ค.ศ.2025
อ่านบทความทั้งหมดของ น.อ.สรรสิริ สิริสันตคุปต์
Featured Image: Image by DC Studio on Freepik