Thursday, March 28, 2024
AICloudNEWSTechnology

ไอบีเอ็มเปิดตัว Watsonx แพลตฟอร์ม AI ใหม่

ไอบีเอ็มเปิดตัว Watsonx แพลตฟอร์ม AI ใหม่ ส่งขุมพลัง Foundation Model และ Generative AI ขับเคลื่อนองค์กรยุคดิจิทัล

อบีเอ็ม เผยโฉม IBM Watsonx แพลตฟอร์มAI และข้อมูลใหม่ ช่วยองค์กรเร่งเครื่องใช้ปัญญาประดิษฐ์สุดล้ำกับข้อมูลที่เชื่อถือได้ พร้อมเทคโนโลยีเต็มรูปแบบ ช่วยให้องค์กรสามารถฝึก ตรวจสอบ ปรับจูน และใช้งานโมเดล AI ต่างๆ

ซึ่งรวมถึง foundation model และแมชชีนเลิร์นนิงทั่วทั้งองค์กร ภายใต้ข้อมูลที่เชื่อถือได้ การทำงานที่รวดเร็ว และธรรมาภิบาลข้อมูล ทั้งหมดรวมอยู่ในโซลูชันหนึ่งเดียว ที่สามารถรันได้บนทุกสภาพแวดล้อมคลาวด์

นอกจากนี้ไอบีเอ็มยังประกาศแผนขับเคลื่อนเทคโนโลยีก้าวล้ำ ครอบคลุมถึงระบบโครงสร้างพื้นฐาน GPU-as-a-service ที่ได้รับการออกแบบเพื่อรองรับเวิร์คโหลด AI โดยเฉพาะ พร้อมแดชบอร์ด AI ที่สามารถตรวจวัด บริหารจัดการ และรายงานผลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของคลาวด์ รวมถึงบริการซัพพอร์ทจากไอบีเอ็ม คอนซัลติ้ง ที่จะช่วยสนับสนุนการใช้งาน watsonx และ generative ให้กับลูกค้า

อาร์วินด์ กฤษณะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไอบีเอ็ม

อาร์วินด์ กฤษณะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไอบีเอ็ม กล่าว “พัฒนาการของ foundation model ทำให้ AI สำหรับธุรกิจทรงพลังมากขึ้นกว่าเดิม”

“Foundation model ช่วยให้สามารถสเกลและทำให้การใช้งาน AI เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ภายใต้งบประมาณที่เข้าถึงได้ เราสร้าง IBM watsonx เพื่อตอบสนองความต้องการขององค์กรธุรกิจ เพื่อให้ลูกค้าไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้ใช้งาน แต่เป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการใช้งาน AI อย่างแท้จริง”

“IBM watsonx ช่วยให้ลูกค้าสามารถฝึกฝนและใช้งาน AI ในรูปแบบที่ตรงกับความต้องการ ในขณะเดียวกันก็สามารถควบคุมข้อมูลของตนได้โดยสมบูรณ์”

ลูกค้าจะสามารถเข้าถึงชุดเครื่องมือ เทคโนโลยี โครงสร้างและบริการคอนซัลติ้ง หรือปรับจูนโมเดล AI ที่มีอยู่ตามชุดข้อมูลที่ตนเองมี แล้วนำไปใช้งานและสเกลภายใต้สภาพแวดล้อมการใช้งานที่เชื่อถือได้มากขึ้นและเปิดกว้างมากขึ้น เพื่อต่อยอดความสำเร็จของธุรกิจ

แพลตฟอร์มwatsonx ประกอบด้วย 3 เครื่องมือสำคัญ คือ
  • IBM watsonx.ai: สตูดิโอ AI พร้อมใช้สำหรับองค์กรสำหรับการฝึก ตรวจสอบ ปรับใช้ และติดตั้งโมเดล AI ซึ่งรวมถึง foundation models ที่ขับเคลื่อน generative AI โดยโมเดลเหล่านี้ไม่เพียงแค่ได้รับการฝึกกับโมเดลภาษาขนาดใหญ่ แต่ยังรวมถึงข้อมูลที่เก็บรวบรวมตามระยะเวลาเป็นช่วงๆ อย่างต่อเนื่องกัน(time-series data) ข้อมูลที่ได้รับการจัดเก็บในรูปแบบคอลัมน์หรือตาราง ข้อมูลเชิงพื้นที่ และข้อมูลเหตุการณ์ไอทีต่างๆ ด้วยตัวอย่างโมเดลที่ได้รับการพัฒนาไว้แล้ว โดยจะพร้อมออกสู่ตลาดในเดือนกรกฎาคมนี้

    โมเดลเหล่านี้ไม่เพียงแค่ได้รับการฝึกกับโมเดลภาษาขนาดใหญ่ แต่ยังรวมถึงข้อมูลที่เก็บรวบรวมตามระยะเวลาเป็นช่วงๆ อย่างต่อเนื่องกัน (time-series data) ข้อมูลที่ได้รับการจัดเก็บในรูปแบบคอลัมน์หรือตาราง ข้อมูลเชิงพื้นที่ และข้อมูลเหตุการณ์ไอทีต่างๆ โดยตัวอย่างโมเดลที่ได้รับการพัฒนาไว้แล้ว อาทิ

    • code: โมเดลที่ได้รับการพัฒนาขึ้นให้สามารถสร้าง code ให้กับนักพัฒนาผ่านการใช้งานด้วยภาษาธรรมชาติ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและช่วยให้สามารถออโตเมทภาระงานจำนวนมากได้
    • NLP: โมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่ใช้ข้อมูลที่ได้รับการคัดกรองมาแล้ว และสามารถลดอคติของข้อมูล รวมถึงปรับให้เข้ากับข้อมูลลูกค้าได้
    • geospatial: โมเดลที่ได้รับการพัฒนาขึ้นด้วยข้อมูลสภาพอากาศและข้อมูลจากการสำรวจระยะไกล (remote sensing data) เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถเข้าใจและวางแผนรับมือกับแพทเทิร์นเปลี่ยนไปของภัยธรรมชาติ ความหลากหลายทางชีวภาพ การใช้ที่ดิน และกระบวนการทางธรณีฟิสิกส์ต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ
  • สตูดิโอ watsonx.ai จะต่อยอดมาจากคลัง open-source ของ Hugging Face ที่ประกอบไปด้วยโมเดลและชุดข้อมูลแบบเปิดหลายพันรายการ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของไอบีเอ็มในการส่งมอบระบบอีโคซิสเต็มแบบเปิดให้แก่ลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้โมเดลและสถาปัตยกรรมที่ดีที่สุดในการตอบสนองความต้องการเฉพาะทางธุรกิจ
  • IBM data: ดาต้าสโตร์ที่พัฒนาขึ้นบนสถาปัตยกรรม lakehouse แบบเปิด ที่ปรับให้เหมาะกับเวิร์คโหลด AI ที่ต้องกำกับดูแล พร้อมฟังก์ชั่นในการ query กำกับดูแล และรูปแบบข้อมูลเปิดเพื่อการเข้าถึงและแชร์ข้อมูล โดยคาดการณ์ว่าโซลูชันนี้จะพร้อมให้ใช้งานตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี 2566 เป็นต้นไป
    • data สามารถจัดการเวิร์คโหลดทั้งแบบ on-premise และในสภาพแวดล้อมแบบ multi cloud
    • มี workload optimization ช่วยให้องค์กรสามารถลดค่าใช้จ่าย data warehouse ได้มากถึงร้อยละ 50[1]
    • data จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลที่มีจำนวนมากขึ้นทุกที ผ่านช่องทางเดียว พร้อมระบบ query หลากหลายที่สามารถปรับให้ตรงกับความต้องการได้
    • data มาพร้อมเครื่องมือกำกับดูแล ออโตเมชัน และอินทิเกรชันแบบบิวท์อิน ที่เชื่อมโยงกับฐานข้อมูลและเครื่องมือขององค์กรเพื่อให้การติดตั้งและใช้งานระบบเป็นไปอย่างง่ายดาย
  • IBM watsonx.governance: โซลูชัน end-to-end สำหรับการกำกับดูแลข้อมูลและ AI ที่จะพร้อมใช้งานภายในสิ้นปี 2566
    • จัดทำระบบการกำกับดูแลเพื่อลดความเสี่ยง ระยะเวลา และงบประมาณในการทำงานแบบแมนวล รวมถึงการจัดทำเอกสารเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่โปร่งใสและอธิบายได้
    • มีกลไกช่วยคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของลูกค้า ตรวจจับอคติและการที่โมเดล AI พัฒนาตนเองจนถึงขั้นที่สามารถตัดสินใจด้วยตัวเองได้ เพื่อช่วยให้องค์กรปฏิบัติการอย่างสอดคล้องกับมาตรฐานจริยธรรม

แพลตฟอร์ม Watsonx_จะช่วยตอบสนองความต้องการของใน 5 ด้านได้แก่ การปฏิสัมพันธ์และพูดคุยกับลูกค้าหรือพนักงาน การออโตเมทเวิร์คโฟลวและกระบวนการทำงานภายใน การออโตเมทกระบวนการไอที การป้องกันความเสี่ยงจากภัยคุกคาม และการช่วยองค์กรบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน

ไอบีเอ็มมีแผนที่จะผสาน foundation model ของ watsonx.ai เข้ากับผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์หลักๆ อาทิ

  • Watson Code Assistant: โซลูชั่นนี้จะเปิดตัวภายในสิ้นปี 2566 โดยดึงศักยภาพ generative AI ช่วยนักพัฒนาสร้างโค้ดด้วยคำสั่งภาษาอังกฤษทั่วไปที่เรียบง่าย
  • AIOps Insights: การผสาน AI Operations (AIOps) เข้ากับ foundation model สำหรับโค้ดและการประมวลผลภาษาธรรมชาติ ช่วยให้เห็นภาพรวมของสภาพแวดล้อมด้านไอทีได้ดีขึ้น เปิดทางให้ทีมปฏิบัติการไอทีและ Site Reliability Engineers (SRE) สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้ตรงจุดและประหยัดงบ
  • Watson Assistant and Watson Orchestrate: ผลิตภัณฑ์ digital labor ที่จะใช้งานร่วมกับ NLP foundation model เพื่อช่วยเพิ่มผลิตภาพของพนักงานและยกระดับการบริการลูกค้า
  • Environmental Intelligence Suite: IBM EIS Builder Edition ที่มาพร้อม foundation model สำหรับภูมิสารสนเทศเชิงพื้นที่ ที่จะเปิดให้ทดลองใช้ภายในสิ้นปี 2566 โดยได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้องค์กรสามารถสร้างโซลูชั่นที่ช่วยดูแลและลดความเสี่ยงทางสิ่งแวดล้อมตามเป้าหมายและความต้องการของแต่ละองค์กร

นอกจากนี้ ไอบีเอ็มยังได้ประกาศโซลูชันอื่นที่จะเปิดตัวเร็วๆ นี้ อาทิ

  • ผลิตภัณฑ์ GPU ใหม่บน IBM Cloud: พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความต้องการใช้งาน foundation model ที่มีอยู่ทั่วโลก โดยไอบีเอ็มตั้งเป้าให้บริการระบบโครงสร้างพื้นฐานประสิทธิภาพสูงที่ได้รับการออกแบบสำหรับ AI และรองรับเวิร์คโหลดองค์กรบน IBM Cloud ทั้งสำหรับการฝึก AI และรองรับการใช้งาน foundation model
  • IBM Consulting Center of Excellence for Generative AI: ไอบีเอ็ม คอนซัลติ้งประกาศเปิดตัวศูนย์แห่งความเป็นเลิศด้าน generative AI ที่จะมีผู้เชี่ยวชาญด้าน AI กว่า 1,000 คน และมีแผนสร้างแนวปฏิบัติสำหรับ_watsonx เพื่อการพัฒนาและใช้งาน watsonx_ของลูกค้า ปัจจุบัน ไอบีเอ็ม คอนซัลติ้ง ได้นำ generative AI เข้าสนับสนุนลูกค้าแล้วหลายสิบโครงการ ด้วยผลิตภัณฑ์กลุ่ม IBM Watson ร่วมด้วยพันธมิตรในอีโคซิสเต็ม ด้วยแนวทาง IBM Garage ที่เป็นที่ยอมรับ
  • IBM Cloud Carbon Calculator: แดชบอร์ดบนพื้นฐานของ AI ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถวัดผล ติดตาม บริหารจัดการ และรายงานผลคาร์บอนฟุตปรินท์จากการใช้งานระบบไฮบริดมัลติคลาวด์ของตน IBM Cloud Carbon Calculator ต่อยอดมาจากเทคโนโลยีของ IBM Research และพร้อมจะออกสู่ตลาดภายในสิ้นปี 2566 โดยตัวแดชบอร์ดนี้จะช่วยเสริมประสิทธิผลของโซลูชั่นด้านความยั่งยืนต่างๆ ของไอบีเอ็ม อาทิ IBM Envizi ESG SuiteIBM TurbonomicIBM Planning Analytics และ IBM LinuxONE พร้อมสนับสนุนให้องค์กรต่างๆ เดินหน้าบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนและธุรกิจ

[1] เมื่อเทียบกับรายการราคาที่เผยแพร่ในปี 2566 โดยเทียบ VPC hours ของ watsonx.data กับผู้ให้บริการ cloud data รายใหญ่ แต่จำนวนเงินที่ประหยัดได้อาจผันแปรตามการตั้งค่า ปริมาณงาน และผู้ขายด้วย

Leave a Response