Tuesday, December 16, 2025
ArticlesCIO TalkInterviewManagement

ทวีศักดิ์ นิลวัชรมณี ประธาน CDT กับความสำเร็จการสร้างฐานข้อมูลดิจิทัลของประเทศ

ทวีศักดิ์ นิลวัชรมณี

สัมภาษณ์พิเศษ ทวีศักดิ์ นิลวัชรมณี ประธาน CDT ผู้อยู่เบื้องหลังเทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการฐานข้อมูลดิจิทัลประชาชน เชื่อมระหว่างบริการดิจิทัลภาครัฐสู่ประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความเชื่อมั่น และยกระดับคุณภาพสังคมที่ดีขึ้น

ริการภาครัฐที่คนไทยใช้อยู่ทุกวันนี้ อย่างระบบทะเบียนราษฎร, บัตรประชาชน หรือ ThaID ที่ปัจจุบันต้องยอมรับว่า มีความทันสมัย มีเสถียรภาพ และมีความพร้อมเป็นระบบข้อมูลหลักของประเทศในการทำธุรกรรมดิจิทัลระหว่างรัฐกับประชาชนนั้น

เบื้องหลังการบริการต้องให้เครดิตกับ บริษัท คอนโทรล ดาต้า (ประเทศไทย) จำกัด (CDT) ในกลุ่มบริษัทซีดีจี ที่มีส่วนในการออกแบบ พัฒนาระบบและดูแลโดยทีมงาน ภายใต้การบริหารของ ทวีศักดิ์ นิลวัชรมณี ประธานของ CDT ผู้บริหารที่มักกล่าวอยู่เสมอว่า เป้าหมายสำคัญของพวกเราคือทำให้ข้อมูลของรัฐปลอดภัย ถูกต้อง และใช้ประโยชน์ได้เต็มศักยภาพ

บทสัมภาษณ์นี้ ขอนำท่านไปทำความรู้จัก ทวีศักดิ์ นิลวัชรมณี ในหลายๆ ประเด็นที่สะท้อนตัวตน แนวคิดในการเป็นนักบริหาร อีกทั้งวิสัยทัศน์ในฐานะผู้นำองค์กรกำหนดกลยุทธ์ของ CDT ที่พลิกจาก ProjectBase มาสู่การเป็น Consult Base ช่วยลูกค้าออกแบบโครงสร้างพื้นฐานด้วยเทคโนโลยีที่มีความซับซ้อนและระบบแอปพลิเคชันที่ เหมาะสมและปฏิบัติได้จริง

ตลอดจนการนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จ เดิมพันคือ การพัฒนาฐานข้อมูลดิจิทัลของประเทศที่ต้องพัฒนา และยกระดับคุณภาพสังคมที่ดีขึ้นให้ทันความต้องการของประชาชน หน่วยงานรัฐ และองค์กรธุรกิจของประเทศ

ผู้บุกเบิกระบบฐานข้อมูลประชาชนของประเทศ

ทวีศักดิ์ เริ่มต้นโดยเล่าว่า “CDT มีโอกาสได้เข้ามาดูแล วางระบบพัฒนาเทคโนโลยีของข้อมูลระดับชาติ เริ่มต้นจากการออกแบบและพัฒนาระบบเลขประจำตัวประชาชนและฐานข้อมูลประชากรไทยตั้งแต่ปี.. 2526 ความสำเร็จนี้ทำให้ฐานข้อมูลดังกล่าวถูกจัดอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลกในยุคนั้น

จนในปี .. 2533 โครงการจัดทำฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรและระบบบัตรประจำตัวประชาชนของประเทศไทยได้รับรางวัล Computer World Smithsonian Awards จากวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งรางวัลนี้มอบให้แก่เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงและเป็นประโยชน์ต่อสังคม

การเดินทางของผมเริ่มต้นตั้งแต่ปี .. 2536 ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยเปลี่ยนผ่านระบบทะเบียนราษฎร์สู่ฐานข้อมูลดิจิทัล จนประสบความสำเร็จอย่างมากจนได้รับรางวัลระดับโลก

ตลอดระยะเวลาของการทำงาน ผมยึดมั่นในหลักการพัฒนาศักยภาพและมาตรฐานของเทคโนโลยีไทยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงหลักการบริหารจัดการที่มุ่งเน้นการสร้างสมดุลและความยั่งยืน คือ เราต้องทำงานให้สำเร็จอย่างมีความสุข ด้วยการให้ความสำคัญกับบุคลากรและการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่โดดเด่น

การขับเคลื่อน Digital Transformation ของภาครัฐ ต้องเริ่มต้นจากการทำให้ข้อมูลรากฐานเหล่านี้ ดี แข็งแรง และพร้อม เพราะข้อมูลพื้นฐานคือ เสาหลัก ที่ต้องมีความมั่นคงก่อนที่จะเกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูล ที่เป็นประโยชน์สูงสุดในวงกว้างทวีศักดิ์ กล่าว

กลไกที่ผลักดันบริการดิจิทัลของรัฐ ขับเคลื่อนเมกะโปรเจกต์ของชาติ

วิศวกรนักบริหารที่ผ่านประสบการณ์และความรู้ในองค์กรเพื่อการทำงานสำหรับเทคโนโลยีที่จำเป็นพื้นฐานของประเทศมากว่า 32 ปีอย่าง ทวีศักดิ์ เล่าต่อว่า “CDT ในฐานะหนึ่งในบริษัทของกลุ่มบริษัทซีดีจี ยึดมั่นในวิสัยทัศน์หลัก Technology for a Better Society ที่หมายความถึง การนำเทคโนโลยีไปพัฒนาเพื่อคุณภาพสังคมที่ดีขึ้น

ซึ่งสะท้อนผ่านการดำเนินงานที่มุ่งเน้นการสร้างความเข้มแข็งให้แก่Foundation Data ของประเทศ ความเชี่ยวชาญเชิงลึกของทีมงาน CDT ได้ทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญเบื้องหลังโครงการดิจิทัลขนาดใหญ่ที่เข้าถึงประชาชนหลายสิบล้านคน

อาทิ ThaID CDT มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีหลักของแอปพลิเคชันยืนยันตัวตนดิจิทัล ThaID ซึ่งมีผู้ใช้งานกว่า 35 ล้านคนการที่ประชาชนสามารถใช้ ThaID ในการยืนยันตัวตนได้อย่างปลอดภัย ช่วยลดความจำเป็นในการใช้สำเนาเอกสารในการทำธุรกรรมต่างๆ ยกระดับสู่ Digital Government เต็มรูปแบบ

และมีส่วนในการพัฒนาโครงการ TH Portal (Citizen Dashboard)ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและตรวจสอบข้อมูลส่วนตัวที่ภาครัฐจัดเก็บไว้ได้ด้วยตนเอง ข้อมูลที่แสดงผลครอบคลุมตั้งแต่ทะเบียนบ้าน การเป็นเจ้าของที่ดิน/รถยนต์ ประวัติการศึกษา ไปจนถึงข้อมูลเครดิตบูโร

แพลตฟอร์มนี้เป็นตัวอย่างของการใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลรากฐานที่มั่นคง เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและสร้างความตระหนักรู้ให้ประชาชนสามารถตรวจสอบสิทธิ์ของตนเองได้

ยึดมั่นในวิสัยทัศน์ Technology for a Better Society

คำถามสำคัญที่หลายคนมักถามคือ ด้วยปัจจัยใดที่ทำให้ CDT สามารถรับผิดชอบโครงการสำคัญระดับประเทศจนประสบความสำเร็จ

ข้อนี้ทวีศักดิ์เผยว่าความสำเร็จของ CDT ในการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลดิจิทัลที่สำคัญยิ่งของชาติ โดยเฉพาะช่วงเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลดิจิทัล มาจากการยึดมั่นในวิสัยทัศน์ Technology for a Better Society และการประยุกต์ใช้กลยุทธ์ที่เน้นความมั่นคงและความยั่งยืน

เมื่อพิจารณาแล้ว จุดแข็งของ CDT อยู่ที่การผสมผสานความเชี่ยวชาญด้าน System Operation, Database Management, และ Data Security เข้ากับความเข้าใจเชิงลึกต่อกฎหมายและกระบวนการภาครัฐ ทำให้ CDT สามารถพัฒนา workflow ที่ตอบโจทย์จริง ทั้งด้านเทคนิคและกฎหมาย พร้อมรองรับการขยายผลสู่บริการใหม่

ความเชี่ยวชาญของ CDT จึงอยู่ที่การออกแบบกระบวนการ (Workflow Design) ที่ลดแรงเสียดทานระหว่างเทคโนโลยีสมัยใหม่กับกฎระเบียบเก่า”

เราไม่ได้มุ่งจะเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุด แต่จะเป็นบริษัทที่ประเทศไว้ใจที่สุดทวีศักดิ์ กล่าว และเสริมว่าการมุ่งเน้นงานที่มีผลกระทบเชิงรากฐานและความมั่นคงของรัฐบาลนี้ ทำให้ CDT สามารถยกระดับการให้บริการประชาชนไปอีกขั้น และตอบโจทย์การอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย

ความภาคภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล

ทวีศักดิ์ ได้ประเมินมูลค่าผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (ROI) จากการเปลี่ยนผ่านสู่บริการดิจิทัลเชิงรุก (Proactive Services) เพื่อเน้นย้ำว่าเทคโนโลยีภาครัฐต้องสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐศาสตร์ที่จับต้องได้การเปลี่ยนธุรกรรมที่ต้องเดินทางไปทำเรื่องด้วยตนเองสู่ระบบดิจิทัล(เช่น ผ่าน ThaID หรือการแจ้งสิทธิ์) สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านการเดินทางและการลางานได้ประมาณ 400 บาทต่อคนต่อธุรกรรม

หากมีการเปลี่ยนผ่านธุรกรรมลักษณะนี้ 1 ล้านครั้งต่อปี จะเกิดการประหยัดค่าใช้จ่ายรวมกว่า 400 ล้านบาทต่อปี ซึ่งระบบนี้สามารถต่อยอดธุรกรรมที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจอื่นๆ ได้อีก อาทิ การย้ายทะเบียนบ้านออนไลน์ ฯลฯ ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นว่าการสร้าง Digital Government ไม่ใช่แค่ความสะดวก แต่เป็นกลไกสำคัญในการลดต้นทุนทางสังคมและกระตุ้นประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง

นอกจากนั้นแล้ว ความเชี่ยวชาญที่สั่งสมของ CDT ยังได้รับการยอมรับในระดับโลกพร้อมเดินหน้ายุทธศาสตร์ Global Consulting Serviceโดยเริ่มต้นที่มัลดีฟส์ และเตรียมขยายไปยังประเทศในเอเชียใต้และตะวันออกกลาง เมื่อรัฐบาลมัลดีฟส์เลือกให้เป็นที่ปรึกษาในการออกแบบระบบทะเบียนราษฎรและข้อมูลบัตรประชาชนดิจิทัล(CRVSID) ภายใต้โครงการ D’MADD (Digital Maldives for Adaptation, Decentralization and Diversification)”

โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพลิกโฉมการยืนยันตัวตนให้ปลอดภัยโปร่งใส และเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมในประเทศหมู่เกาะที่มีความท้าทายด้านภูมิศาสตร์ จากประสบการณ์ในการสร้างและดูแลระบบทะเบียนราษฎรขนาดใหญ่ของประเทศไทยมานานกว่า 30 ปี

นี่คือการพิสูจน์ศักยภาพของโมเดลการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของไทย ที่มีความยืดหยุ่นสูงพอจะเป็นพิมพ์เขียวสำหรับประเทศอื่นๆ ที่มีความท้าทายทางภูมิศาสตร์หรือโครงสร้างการบริหารจัดการที่คล้ายคลึงกัน

วางอนาคต CDT เตรียมสร้างนวัตกรรมเชิงรุกรับมือยุค AI

ปัจจุบัน CDT มีพนักงานกว่า 360 คน ซึ่งมีอายุงานเฉลี่ย 20 ปี ทำให้บุคคลากรสั่งสมความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในระบบโครงสร้างพื้นฐานของชาติอย่างมีประสิทธิภาพ

การพัฒนาอย่างต่อเนื่องของ CDT ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา จึงเป็นการยกระดับจากผู้ติดตั้งระบบ สู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์และฐานข้อมูลที่สามารถออกแบบและพัฒนาบริการี่พร้อมปรับเปลี่ยนตามความต้องการของลูกค้า และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ยืดหยุ่น

ในขณะที่การมองไปข้างหน้าของ CDT ที่ต้องเติบโตไปพร้อมกับเทคโนโลยี AI ซึ่งกำลังเปลี่ยนโฉมหน้าของทุกอุตสาหกรรม CDT ตระหนักถึงความสำคัญของการปรับตัวและพร้อมก้าวสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม

ทวีศักดิ์ เผยว่าเราได้ตั้งวิสัยทัศน์ AI Transformation ที่หมายถึง มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาปรับปรุงกระบวนการทำงานภายในให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะการใช้ AI จัดการงานที่ซ้ำซากและใช้เวลามาก

เช่น การประมวลผลเอกสาร การวิเคราะห์ข้อมูล และการตอบคำถามเบื้องต้น ซึ่งจะช่วยลดภาระงานของพนักงานลงอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ทีมงานสามารถโฟกัสไปที่งานสร้างสรรค์และงานที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางมากขึ้น

นอกจากการพัฒนาภายในแล้ว CDT ยังมีความพร้อมในการนำความเชี่ยวชาญด้าน AI ไปช่วยแก้ปัญหาให้กับลูกค้าอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาโซลูชัน AI ที่ตรงตามความต้องการเฉพาะของแต่ละธุรกิจ การให้คำปรึกษาเพื่อออกแบบกลยุทธ์การนำ AI ไปใช้ หรือการสร้างระบบอัตโนมัติที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของลูกค้า

การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI การพัฒนาทักษะของบุคลากรและการสร้างพันธมิตรกับผู้เชี่ยวชาญชั้นนำ จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน พร้อมมอบบริการที่รวดเร็วและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้นในอนาคตCDT เชื่อมั่นว่าการผสานพลังของมนุษย์และ AI จะสร้างคุณค่าใหม่ให้กับองค์กร ลูกค้า และสังคมอย่างยั่งยืนประธาน CDT กล่าว

กลยุทธ์ในการบริหารที่ยั่งยืน บทเรียนจาก ทวีศักดิ์ นิลวัชรมณี

เทคโนโลยีไม่ใช่แค่เครื่องมือของรัฐ แต่คือสะพานที่เชื่อมคนไทยเข้ากับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นทวีศักดิ์ กล่าว บนหลักการบริหารงานที่ให้ความสำคัญกับ การยกระดับมาตรฐานภายในองค์กรให้เทียบเท่าบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก พร้อมสร้างทีมคนรุ่นใหม่ที่เข้าใจการพัฒนาอย่างมีจริยธรรม (Ethical Tech) และมีหัวใจเพื่อสังคม

ในโลกที่ ข้อมูล คือทรัพยากรใหม่ของเศรษฐกิจ การมีผู้นำที่มองเห็นความเชื่อมโยงระหว่างเทคโนโลยีและคุณค่าของมนุษย์ คือสิ่งที่ทำให้สังคมเติบโตอย่างยั่งยืน

การเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในโครงการที่สนับสนุนความเข้มแข็งให้แก่โครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลของประเทศ นั้นได้สอนอะไรหลายอย่างที่นักบริหารโครงการไอทีสามารถหยิบไปใช้งานได้ ทั้งความเชี่ยวชาญเชิงลึกของทีมงาน ความเข้าใจ ลงลึกในรายละเอียด ทุกอย่าวล้วนทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญเบื้องหลังโครงการดิจิทัลขนาดใหญ่ที่เข้าถึงประชาชนหลายสิบล้านคน

ทวีศักดิ์ นิลวัชรมณี และบริษัท คอนโทรล ดาต้า (ประเทศไทย) ยังคงเดินหน้าภายใต้พันธกิจขององค์กร ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่พิสูจน์ว่า เทคโนโลยีไทย สามารถขับเคลื่อนประเทศ และส่งต่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้คนทั่วโลกได้จริง