Friday, March 29, 2024
NEWS

JUZMATCH สตาร์ทอัปในเครือ แสนสิริ พร้อมพัฒนาแพลตฟอร์มการลงทุนและเช่าซื้อเพิ่ม

JUZMATCH สตาร์ทอัปในเครือ ‘แสนสิริ’ ชูจุดแข็งโมเดลธุรกิจตอบโจทย์อสังหาฯ 4.0  โตเกิน 100% 2 ปีซ้อน ตั้งเป้าปีนี้โต 66 % จับคู่อสังหาฯเพิ่ม 600 หลัง พร้อมพัฒนาแพลตฟอร์มการลงทุนและเช่าซื้อเพิ่ม

JUZMATCH แพลตฟอร์มการเช่าซื้อและลงทุนอสังหาฯ แห่งแรกของไทย หนึ่งในสตาร์ทอัปที่ ‘แสนสิริ’ ร่วมลงทุน โชว์ความสำเร็จส่งมอบบ้านไปแล้วกว่า 700 หลัง สร้างมูลค่าทรัพย์สินในโมเดลเช่าซื้อทะลุ 3,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี มีผู้ใช้แพลตฟอร์มกว่า 1,500 ราย ภายใต้โมเดลธุรกิจใหม่ หวังแก้ Pain Point ในวงการอสังหาฯ จับตลาดกลุ่มคนที่กู้สินเชื่อบ้านยาก

พร้อมเป็นตัวกลางเชื่อมโยงคน 3 กลุ่ม ตอบโจทย์ได้ตรงจุดมากขึ้น ได้แก่ กลุ่มแรก ผู้ซื้อ ผู้ที่อยากมีบ้าน แต่ติดข้อจำกัดในการกู้ธนาคาร กลุ่มที่สอง นักลงทุน ช่วยลดความเสี่ยง และบริหารจัดการทรัพย์ให้ และกลุ่มที่สาม ผู้ขาย เจ้าของทรัพย์หรือบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ต้องการขายทรัพย์ง่ายขึ้น ทั้งนี้ ในปี 2566 พบสัญญาณตลาดอสังหาฯ ฟื้นตัวจากกำลังซื้อภายในและต่างชาติ ตั้งเป้าส่งมอบบ้าน 600 หลัง เติบโต 66% มูลค่าสะสมกว่า 3,000 ล้านบาท ตั้งเป้าเพิ่มผู้ใช้แพลตฟอร์มแตะ 2,500 ราย

รัตนพล มนต์มหาจินดา CEO & Co-Founder JUZMATCH เปิดเผยว่า หลังจากเปิดตัว JUZMATCH แพลตฟอร์มการเช่าซื้อและลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นการออกแบบโมเดลธุรกิจใหม่ เพื่อมุ่งแก้อุปสรรค (Pain Point) ของวงการอสังหาฯ เสนอทางเลือกที่ดีขึ้นให้กับคนสามกลุ่ม

ได้แก่ กลุ่มผู้ซื้อ ผู้ที่อยากมีบ้าน แต่ยังไม่พร้อมกู้ธนาคาร เปิดโอกาสให้เช่าซื้อที่อยู่อาศัยและปรับปรุงเครดิตจนสามารถเป็นเจ้าของบ้านได้ กลุ่มที่สอง นักลงทุน ผู้ที่สนใจลงทุนอสังหาฯ แต่ไม่มีประสบการณ์หรือกลัวการแบกรับความเสี่ยง เหมาะกับผู้ที่สนใจการลงทุนด้านอสังหาฯ แต่ขาดประสบการณ์

และกลุ่มที่สาม ผู้ขาย เจ้าของทรัพย์หรือบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ต้องการขายที่อยู่อาศัย ช่วยให้เข้าถึงตลาดกลุ่มลูกค้าใหม่ บนระบบป้องกันความเสี่ยงจากโครงสร้างของโมเดลธุรกิจ ที่รับประกันความเสี่ยงทุกด้าน พร้อมทีมงานมืออาชีพที่จะคอยให้คำแนะนำและดูแลช่วยเหลือตลอดอายุสัญญา

โดยผลการดำเนินงานที่ผ่านมา JUZMATCH สามารถส่งมอบบ้านและที่อยู่อาศัยไปแล้วกว่า 700 หลัง สร้างมูลค่าทรัพย์สินในโมเดลเช่าซื้อแตะ 3,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 2 ปีหลังจากเริ่มเปิดให้บริการ แม้จะตกอยู่ในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ก็ยังสามารถเติบโตเฉลี่ยปีละมากกว่า 100%

อย่างไรก็ดี ในปี 2566 นับเป็นปีที่ธุรกิจอสังหาฯ มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากกำลังซื้อของคนในประเทศเริ่มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และการกลับเข้ามาของชาวต่างชาติ นักท่องเที่ยวในประเทศไทย รวมถึงแนวโน้มการเช่าซื้อที่อยู่อาศัยก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากกลุ่มผู้มีข้อจำกัดในการซื้อบ้านมีจำนวนสูงขึ้น

โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีอาชีพอิสระ ค้าขายออนไลน์ อ้างอิงจากข้อมูลธนาคารพาณิชย์ พบว่า มีการปฏิเสธสินเชื่อที่อยู่อาศัยของลูกค้ากลุ่มดังกล่าวสูงกว่า 100,000 ล้านบาท ในแต่ละไตรมาส สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่ายังมีคนประสบปัญหาเข้าถึงแหล่งเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นของชีวิต

ประกอบกับดัชนีการเติบโตของราคาอสังหาริมทัพย์เพิ่มสูงขึ้นทุกปี ทำให้ผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ ต้องใช้เงินสดมากขึ้นทุกปีเพื่อซื้อบ้าน ทั้ง 2 ปัจจัยล้วนเป็นโอกาสให้ JUZMATCH เข้าไปเติมเต็มความต้องการของตลาดและปลดล็อกการครอบครองที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น และยังช่วยให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์สร้างยอดขายได้เพิ่มขึ้น

ณัฏฐ์ บุญญาภิบาล COO & Co-Founder JUZMATCH เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้ แพลตฟอร์ม JUZMATCH จำนวน 1,500 ราย แบ่งเป็น กลุ่มซื้ออสังหาฯ 800 ราย กลุ่มนักลงทุนอสังหาฯ 300 ราย และผู้ขายอสังหาฯ 400 ราย ซึ่งในปีนี้ ตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนผู้ใช้แพลตฟอร์มเป็น 2,500 ราย เพื่อกระจายไปยังกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

พร้อมกับการจับคู่ผู้เช่าซื้อและนักลงทุนแล้ว 18 จังหวัดทั่วประเทศ แบ่งเป็นอสังหาฯใหม่ 87% และอีก 13% เป็นอสังหาฯมือสอง โดยจากทรัพย์ทั้งหมด มีสัดส่วน 75% เป็นอสังหาฯ ของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของไทย ทั้งนี้ ในปี 2566 จะมีการเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ให้ตอบโจทย์นักลงทุนมากขึ้น อาทิ การลงทุนด้วยเงินสด

โดยสามารถลงทุนและร่วมเป็นเจ้าของบางส่วนในสินทรัพย์นั้น หรือ เรียกว่า Cash-Based Fractional Ownership ผ่านระบบ Smart Contract บนเทคโนโลยี Blockchain เพื่อความปลอดภัยและการทำธุรกรรมที่ง่ายขึ้นของนักลงทุน

สำหรับจุดเด่นของแพลตฟอร์ม JUZMATCH คือการนำเสนอโซลูชั่นใหม่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด สำหรับกลุ่มผู้ซื้อ ที่มีกำลังซื้อสูงและมีกำลังผ่อน แต่ติดข้อจำกัดในการกู้ธนาคาร เช่น กลุ่มอาชีพฟรีแลนซ์ อินฟลูเอนเซอร์ รวมถึงกลุ่มผู้ที่อายุยังน้อยแต่มีศักยภาพในการเติบโตของรายได้สูงในอนาคต

เช่น วิศวกร แพทย์ จบใหม่จึงทำให้ไม่สามารถซื้อบ้านที่ต้องการได้ในปัจจุบัน , กลุ่มนักลงทุนที่ชื่นชอบการลงทุนอสังหาฯ รวมถึงนักลงทุนหน้าใหม่ที่ไม่คุ้นเคยกับการลงทุน ไม่มีประสบการณ์ในตลาดนี้ แต่มองหาการลงทุนใหม่ๆ ที่สะดวก ความเสี่ยงต่ำ และไม่จำเป็นต้องใช้เงินสด

ซึ่งแพลตฟอร์มถูกพัฒนามาให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของนักลงทุนยุคใหม่ ช่วยบริหารการลงทุนให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัย และสุดท้าย กลุ่มผู้ขาย เจ้าของบ้านหรือเจ้าของโครงการ ที่ต้องการขายบ้าน แต่ประสบปัญหาลูกค้ากู้ไม่ผ่านทั้งที่มีกำลังซื้อ แต่ไม่มีรายได้อยู่ในระบบ แพลตฟอร์มจะช่วยเติมเต็มช่องว่างให้โครงการสามารถขายบ้านกับลูกค้าที่มีกำลังซื้อได้มากขึ้น

Leave a Response