
“วีซ่า เอเชีย แปซิฟิก เปิดตัวนวัตกรรมใหม่และพันธมิตรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อเสริมความยืดหยุ่น ความปลอดภัย และขยายช่องทางการชำระเงินทั่วภูมิภาค
เมื่อเร็วๆ นี้ วีซ่าได้เผยนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ล่าสุดที่มุ่งยกระดับระบบการชำระเงิน ในงาน Visa Asia Pacific Media Showcase เพื่อผลักดันภาคธุรกิจให้พร้อมเข้าสู่ยุคใหม่ของการค้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
แจ็ค ฟอเรสเทลล์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์ของวีซ่า กล่าวว่า “ด้วยความแข็งแกร่งของเครือข่ายระดับโลกและความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมการชำระเงินของวีซ่า ทำให้เรามีศักยภาพที่จะพลิกโฉมภาคธุรกิจสู่รูปแบบใหม่ของการค้าขาย”
“ด้วยผลิตภัณฑ์และโซลูชันทางการเงินใหม่ล่าสุดของวีซ่า ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยในการรับและจ่ายเงินในยุคที่ AI เข้ามามีบทบาทสำคัญในการทำธุรกรรมทั่วภูมิภาค”
งาน Visa Asia Pacific Media Showcase ครั้งนี้ เน้นย้ำถึงบทบาทของดิจิทัลคอมเมิร์ซที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งจะมาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้จ่ายสินค้าและบริการของผู้บริโภคในเอเชียแปซิฟิก
ซึ่งในอนาคตอันใกล้ AI Agents หรือตัวแทนปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถทำงานอย่างอิสระและอัตโนมัติ จะทำหน้าที่ค้นหา เลือกสินค้าและบริการ ตัดสินใจซื้อ และจัดการธุรกรรมต่างๆ แทนผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ความเชื่อมั่นในการชำระเงินมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ภายในงานยังจัดแสดงโซลูชันใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของวีซ่า ที่จะช่วยให้พันธมิตรในภูมิภาค ทั้งผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม AI, ฟินเทค, ธนาคาร และร้านค้า สามารถมอบประสบการณ์การชำระเงินที่ปลอดภัยและไร้รอยต่อแก่ผู้บริโภค
ไฮไลต์สำคัญของงานนี้คือการเปิดตัว Visa Intelligent Commerce โซลูชันสุดล้ำที่ออกแบบมาให้นักพัฒนาระบบและวิศวกรเข้าถึงเครือข่ายการชำระเงินของวีซ่า เพื่อใช้นำร่องในการสร้างระบบการค้าขายที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
Visa Intelligent Commerce การค้าขายยุคใหม่ของเอเชียแปซิฟิก
Visa Intelligent Commerce โซลูชันล่าสุดที่รวบรวมชุด API แบบบูรณาการ และโปรแกรมความร่วมมือทางธุรกิจนำไปเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม AI ซึ่งจะช่วยให้นักพัฒนาระบบนำความสามารถของ AI Commerce จากวีซ่า ไปประยุกต์ใช้งานอย่างปลอดภัยและขยายผลอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยวีซ่าเผยว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ กับพันธมิตรระดับแนวหน้าในภูมิภาคอย่าง แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล รวมถึง แกร็บ และเทนเซ็นต์ เพื่อร่วมกันขยายขอบเขตของ AI Commerce โดยมุ่งสร้างประสบการณ์ชำระเงินที่ปลอดภัยและไร้รอยต่อ
ตลอดระยะเวลากว่า 25 ปีที่ผ่านมา เครือข่ายระดับโลกของวีซ่าได้ประมวลผลธุรกรรมไปแล้วถึง 3.3 ล้านล้านรายการ ปัจจุบัน วีซ่ากำลังยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน มาตรฐาน และศักยภาพ เพื่อรองรับการค้าขายที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งจะช่วยเปิดโอกาสใหม่ๆ กับผู้บริโภคทั่วเอเชียแปซิฟิก
และอีกไม่นาน AI Agents จะถูกรวมเข้ากับแพลตฟอร์มที่ผู้บริโภคคุ้นเคย ซึ่งสามารถทำธุรกรรมได้อย่างสะดวกปลอดภัย โดยอาศัยข้อมูลจากวีซ่ากว่า 4.8 พันล้านรายการ และร้านค้าหลายล้านแห่งทั่วโลก
ผลิตภัณฑ์และขีดความสามารถใหม่สำหรับเอเชียแปซิฟิก
วีซ่า เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ด้วยโซลูชันที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการชำระเงินที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอจากผู้บริโภคและภาคธุรกิจในเอเชียแปซิฟิก โดยมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ดังนี้
Stablecoins วีซ่าอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมด้วยสกุลเงินดิจิทัลมากว่าห้าปี และขณะนี้กำลังขยายบริการไปสู่การใช้งานบัตรที่รองรับ Stablecoin การเคลียร์ยอด (Settlement) และการชำระเงินที่สามารถตั้งเงื่อนไขการใช้งานได้ (Programmable Money) โดยมีบริการ On-ramp และ Off-ramp ผ่านบัตรที่รองรับ Stablecoin
ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถใช้ข้อมูลบัตรวีซ่าในการซื้อ Stablecoin ด้วย Fiat Currency และชำระเงินด้วย Stablecoin กับร้านค้าในเครือข่ายของวีซ่าได้โดยตรง ในเอเชียแปซิฟิก วีซ่า ได้ร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำอย่าง DCS Singapore รวมถึง DTC Pay และ StraitsX ในการพัฒนาโซลูชันบัตรที่รองรับ Stablecoin โดยมีการแปลงสกุลเงินผ่านโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการกำกับดูแลตามข้อบังคับอย่างเคร่งครัด
วีซ่า เดินหน้ายกระดับการให้บริการผ่าน Visa Tokenized Asset Platform (VTAP) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้พันธมิตรสามารถออก Token และจัดการ Token ที่อ้างอิงมูลค่าตามเงิน Fiat (Fiat-backed tokens) โดย VTAP ออกแบบมาเพื่อเชื่อมต่อระหว่างบล็อกเชนสาธารณะและบล็อกเชนส่วนตัว รองรับระบบการเงินที่สามารถกำหนดโปรแกรมได้ (Programmable Financing)
รวมถึงการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่แปลงเป็นโทเคน (Tokenized Assets) และการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกรรมข้ามพรมแดน วีซ่ามีแผนขยายการให้บริการ VTAP ไปยังพันธมิตรรายอื่นๆ เพิ่มเติมภายในปีนี้และต่อไปในปี 2569
Flex Credential คือบริการใหม่ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถสลับการใช้งานระหว่างบัตรเดบิต บัตรเครดิต และแลกคะแนนสะสมได้อย่างยืดหยุ่น ซึ่งได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ ในเอเชียแปซิฟิก วีซ่าได้เปิดตัว Flex ครั้งแรกเมื่อสองปีก่อนในญี่ปุ่น โดยร่วมกับ Sumitomo Mitsui Banking Corporation (SMBC) และ Sumitomo Mitsui Card Company (SMCC) ภายใต้ชื่อ Olive
ปัจจุบันมีผู้ถือบัญชี Olive มากกว่าห้าล้านบัญชีที่ได้รับสิทธิประโยชน์จากบริการ Visa Flex Credential โดยบัตร Olive ยังคงทำผลงานได้อย่างโดดเด่น โดยหลายปีที่ผ่านมา ยอดธุรกรรมเฉลี่ยต่อผู้ถือบัตรสูงกว่าค่าเฉลี่ยของยอดธุรกรรมอื่นๆ ในญี่ปุ่นถึง 40%
วีซ่า และ SMCC ได้ขยายบริการ Visa Flex Credential เพื่อรองรับกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งสามารถสลับการใช้งานระหว่างบัญชีธุรกิจและบัญชีส่วนตัวผ่านบัตร Oliveใบเดียวกัน โซลูชันนี้ช่วยเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงวงเงินเครดิตและการจัดการกระแสเงินสด นอกจากนี้ วีซ่ากำลังร่วมมือกับธนาคารท้องถิ่นในเวียดนามเพื่อเปิดตัว Flex Credential ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ใหม่ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการรับและชำระเงิน
วีซ่า เตรียมเปิดตัวบริการและความร่วมมือใหม่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภค ร้านค้า และภาคธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกสามารถชำระเงินและรับเงินได้ง่ายยิ่งขึ้น
Visa Pay บริการที่ออกแบบมาเพื่อเชื่อมต่อกระเป๋าเงินดิจิทัลกับร้านค้าในเครือข่ายของวีซ่าทั้งในประเทศและต่างประเทศ รองรับการชำระเงินทั้งหน้าร้านและบนช่องทางออนไลน์ โดยบริการนี้เริ่มเปิดให้ใช้งานทั่วเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีผู้ใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลมากที่สุดในโลก
ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ อาทิ LINE Pay (ไต้หวัน) Maya (ฟิลิปปินส์) OpenRice (ฮ่องกง) และ Woori Card (เกาหลีใต้) ซึ่งจะมีการขยายเครือข่ายให้เข้าถึงง่ายขึ้น ช่วยเพิ่มทางเลือกการชำระเงินให้กับผู้บริโภคทั่วโลก ไม่ว่าจะด้วยวิธี แตะเพื่อจ่าย สแกนจ่าย หรือจ่ายผ่านระบบออนไลน์
Digital Identity โซลูชันความสามารถขั้นสูงในการระบุตัวตนแบบดิจิทัล ประกอบด้วย เทคโนโลยี Passkeys เทคโนโลยี Tap to Confirm และการยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลเชิงลึก โดยโซลูชันชุดนี้จะช่วยลดความยุ่งยากให้ผู้บริโภคด้วยกระบวนการที่เป็นดิจิทัลทุกขั้นตอน
ขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการชำระเงิน และเพิ่มอัตราการอนุมัติธุรกรรมด้วยข้อมูลธุรกรรมที่ละเอียดขึ้น พร้อมเทคโนโลยีป้องกันการฉ้อโกงที่ล้ำสมัย โดยพันธมิตรใหม่ที่เริ่มใช้งานโซลูชันนี้ คือ Coles เครือซูเปอร์มาร์เก็ตในออสเตรเลีย และ Maybank ผู้ให้บริการทางการเงินชั้นนำในมาเลเซียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Visa Accept โซลูชันใหม่ที่ช่วยให้ผู้ค้ารายย่อยรับชำระเงินเข้าบัตรเดบิตวีซ่าได้โดยตรงผ่านสมาร์ทโฟนที่รองรับระบบ NFC โดยไม่จำเป็นต้องมีเครื่องรูดบัตร POS แบบเดิม บริการนี้กำลังเปิดตัวที่เวียดนาม โดยมุ่งสนับสนุนเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กและร้านค้ารายย่อย เช่น ร้านค้าแผงลอย ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และผู้ให้บริการในพื้นที่ชนบท โดยธนาคารผู้ออกบัตรที่ร่วมให้บริการจะเปิดให้ผู้ถือบัตรรับชำระเงินแบบคอนแทคเลสผ่านแอปฯ ธนาคารของตนเอง
Featured Image: freepik