AI และ Big Data ที่ขับเคลื่อนการสร้าง Value-Added Services ให้วีซ่า

“ในโลกที่การชำระเงินดิจิทัลเติบโตอย่างรวดเร็ว ธุรกิจก็ต้องเผชิญความเสี่ยงที่ซับซ้อนกว่าเดิม เมื่ออาชญากรรมการเงินขับเคลื่อนด้วย AI และ Deepfake นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ VISA ก้าวเข้ามาเป็นพันธมิตรสำคัญ ใช้ AI และ Big Data ยกระดับบริการเพิ่มมูลค่า เพื่อปกป้องและเสริมศักยภาพธุรกิจในทุกระดับ
เอเชียแปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่เศรษฐกิจดิจิทัลเติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก การชำระเงินดิจิทัล อีคอมเมิร์ซ และกระแสไร้เงินสดได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน แต่การเติบโตดังกล่าวก็มาพร้อมกับด้านมืด การฉ้อโกงทางการเงินที่ซับซ้อนขึ้น โดยเฉพาะการหลอกลวง (Scam) ที่ขับเคลื่อนด้วย AI, deepfake และช่องทางการโจมตีใหม่ๆ ที่เติบโตเร็วกว่าความสามารถในการป้องกันของหลายองค์กร
สำหรับธนาคาร ฟินเทค และ SME ที่ต้องพึ่งพาช่องทางการชำระเงินดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น วอลเลต การโอนเงินแบบทันที หรือการสแกน QR Code นี่ไม่ใช่เพียงเรื่องความมั่นคง แต่คือ เดิมพันด้านความน่าเชื่อถือและต้นทุนธุรกิจ ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
เอเชียแปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่เศรษฐกิจดิจิทัลขยายตัวรวดเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก การชำระเงินดิจิทัล อีคอมเมิร์ซ และธุรกรรมออนไลน์กลายเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ แต่ความก้าวหน้านี้ก็ทำให้ภูมิภาคนี้กลายเป็น เป้าหมายหลักของอาชญากรรมทางการเงิน ที่มีความซับซ้อนและวิวัฒนาการรวดเร็ว
แอ็กเซล บอย-โมลเลอร์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านงานบริการเพิ่มมูลค่า ของวีซ่า ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อธิบายว่า “เมื่อธุรกิจเติบโตบนฐานดิจิทัล ความเสี่ยงก็เติบโตตาม การโจมตีทางไซเบอร์ที่ใช้ AI, deepfake และโมเดลหลอกลวงใหม่ๆ กำลังท้าทายความสามารถในการป้องกันของหลายองค์กรอย่างต่อเนื่อง”
ระบบป้องกันแบบเก่าไม่เพียงพออีกต่อไป
“หลายองค์กรยังใช้เครื่องมือด้านความปลอดภัยที่แยกส่วนและล้าสมัย ทำให้ไม่สามารถมองภาพรวมของภัยคุกคามได้ครบถ้วน นอกจากนี้ ยังต้องเผชิญกับแรงกดดันด้าน ข้อบังคับ กฎเกณฑ์ ความคาดหวังของลูกค้า และความเสียหายด้านชื่อเสียง ที่หากผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็อาจสร้างความเสียหายร้ายแรง”
“แม้หลายองค์กรจะลงทุนในเครื่องมือด้านความปลอดภัย แต่ความจริงคือ ระบบที่แยกส่วนและล้าสมัย ทำให้การมองเห็นความเสี่ยงเป็นไปอย่างกระจัดกระจาย การรับมือจึงมักเป็นแบบตั้งรับมากกว่าการบริหารเชิงรุก”
“นอกจากนั้น แรงกดดันจาก กฎระเบียบ ข้อบังคับ ต้นทุน compliance และความเสี่ยงด้านชื่อเสียง ทำให้ธนาคาร ฟินเทค และ SME ต้องเผชิญกับภาระที่มากกว่าการป้องกันเพียงอย่างเดียว พวกเขาต้องการโซลูชันที่ ทั้งปลอดภัย คล่องตัว และสร้างคุณค่าทางธุรกิจ”
วีซ่า และบทบาทพันธมิตรที่ไว้วางใจได้
บอย-โมลเลอร์ อธิบายว่า “วีซ่าไม่ได้เป็นเพียงเครือข่ายการชำระเงิน แต่เป็น พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่ช่วยสถาบันการเงินและผู้ประกอบการรับมือความเสี่ยงแบบองค์รวม ผ่านบริการเพิ่มมูลค่า (VAS) ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง”
“ที่ผ่านมามีรส่วนในการป้องกันการฉ้อโกงครอบคลุมทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการชำระเงินแบบใช้บัตรหรือไม่ใช้บัตร เรียลไทม์ ไปจนถึงการโอนเงินข้ามประเทศ”
มีการอาศัยระบบ AI อัจฉริยะที่เรียนรู้และปรับตัวได้เอง (Agentic AI) ทำงานแบบเรียลไทม์ในทุกขั้นตอนของการชำระเงิน ตั้งแต่การยืนยันตัวตน การอนุมัติธุรกรรม ไปจนถึงการจัดการข้อพิพาท
อาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Analytics & Insights) จากฐานข้อมูลธุรกรรมกว่า 300,000 ล้านรายการ และข้อมูลการยืนยันตัวตนกว่า 4,700 ล้านรายการ เพื่อสร้างโมเดล AI ที่แข็งแกร่งและตอบโจทย์ลูกค้าในระดับเฉพาะตัว
AI + Big Data = บริการเพิ่มมูลค่า (VAS) ที่ตอบโจทย์ธุรกิจ
การใช้ AI ของวีซ่าไม่ได้จำกัดอยู่ที่การตรวจจับความเสี่ยง แต่ขยายไปสู่การ สร้างมูลค่าใหม่ทางธุรกิจ โดยสามารถตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจใน 4 ประเด็นหลักๆ นั่นคือ
1. ป้องกันเชิงรุกและเสริมความเชื่อมั่น (Proactive Security) ด้วยการผสาน Tokenization, AI Authentication และ Advanced Authorization ธุรกรรมทั้งหมดปลอดภัยตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจ และผู้ประกอบการสามารถโฟกัสที่การเติบโตมากกว่าการกังวลเรื่องความเสี่ยง
2. สร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ดีขึ้น โซลูชันอย่าง Visa Consumer Authentication Service (VCAS) และ Visa Deep Authorization (VDA) ทำให้การตรวจสอบตัวตนมีความแม่นยำสูงโดยไม่ลดความสะดวกสบายของลูกค้า ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความภักดี (loyalty)
3. การปรับแต่งเชิงลึกด้วย Analytics แพลตฟอร์มอย่าง Visa Analytics Platform (VAP) ช่วย SME และผู้ค้าปลีกเข้าใจพฤติกรรมการใช้จ่ายของลูกค้าแบบ granular insights ตั้งแต่ segment ที่ซื้อซ้ำจนถึงเวลาที่ลูกค้ามีแนวโน้มจะใช้จ่ายมากที่สุด
4. การจัดการข้อพิพาทอย่างมีประสิทธิภาพ โซลูชันอย่าง Visa Resolve Online (VROL) และ Order Insights (Verifi) ลดต้นทุนและเวลาในการจัดการข้อพิพาทจากธุรกรรม ทำให้ทั้งฝั่งผู้ค้าและผู้บริโภคได้รับประสบการณ์ที่โปร่งใสและยุติธรรม
จากการป้องกัน สู่การเสริมศักยภาพธุรกิจ
จุดแข็งที่แท้จริงของ VAS ไม่ใช่เพียง “ป้องกัน” แต่คือ การทำให้ธุรกิจเดินหน้าได้อย่างมั่นใจ โดยผู้ประกอบการสามารถโฟกัสที่การสร้างรายได้และนวัตกรรมใหม่ โดยไม่ต้องกังวลกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
ถ้าเรามองจากผู้เกี่ยวข้องในแต่ละมุมก็จะพบว่า กลุ่มธนาคารและฟินเทค ได้โซลูชันที่ทำให้ระบบปลอดภัยและแข่งขันได้ กลุ่ม SME และผู้ค้าปลีก ได้ความเชื่อมั่นจากลูกค้าและเครื่องมือวิเคราะห์เพื่อเข้าใจพฤติกรรมการซื้อ ในขณะที่ ผู้บริหารด้านการเงินและเทคโนโลยี มีข้อมูลและโซลูชันที่พร้อมช่วยวางกลยุทธ์ในระยะยาว
อนาคตเศรษฐกิจดิจิทัลที่มั่นคงและปลอดภัย
แอ็กเซล ทิ้งท้ายว่า วิสัยทัศน์ของวีซ่าคือการสร้าง เศรษฐกิจดิจิทัลที่ปลอดภัยและยั่งยืน ธุรกิจและผู้บริโภคสามารถมุ่งไปข้างหน้าโดยไม่ต้องพะวงกับความเสี่ยงด้านการชำระเงิน
Value-Added Services (VAS) ของวีซ่า จึงไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่คือ การพลังเสริม ที่ช่วยให้ผู้เล่นทุกภาคส่วนตั้งแต่ธนาคาร ฟินเทค ไปจนถึง SME พร้อมรับมือกับความท้าทาย ความเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และคว้าโอกาสการเติบโตในเศรษฐกิจดิจิทัลแห่งอนาคต






