
“ซีเมนส์ ประเทศไทย พร้อมสนับสนุนโยบาย ไทยแลนด์ 4.0 นำเทคโนโลยีสำหรับภาคอุตสาหกรรมการผลิตอาหารและเครื่องดื่ม เข้ามาช่วยโรงงานมีความคล่องตัว มีความยืดหยุ่นและสามารถวางแผนล่วงหน้า เพื่อก้าวไปสู่การดำเนินงานที่ยั่งยืน
เมื่อ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซีเมนส์_ประเทศไทย จัดงานสัมมนา Siemens F&B Technology Summit 2025 ถ่ายทอดเทคโนโลยีและโซลูชันดิจิทัลล่าสุด สำหรับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมการผลิต อาหารและเครื่องดื่มของไทย และให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนถึงความสำคัญของการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิต 4.0 รวมถึงแสดงนวัตกรรมโซลูชันการผลิตล่าสุดที่มีโอกาสนำมาเพิ่มศักยภาพการผลิตของผู้ผลิตในประเทศไทย
ในงานดังกล่าว ผู้บริหารของซีเมนส์ในระดับอาเซียนได้เข้าร่วมประกอบด้วย อิซาเบล ชอง รองประธานอาวุโสฝ่ายอุตสาหกรรมดิจิทัล อาเซียน, อเล็กซ์ เตียว กรรมการผู้จัดการและรองประธานฝ่ายซอฟต์แวร์อุตสาหกรรมดิจิทัลซีเมนส์ อาเซียน และ โจเซฟ คอง หัวหน้าฝ่ายอุตสาหกรรมดิจิทัล ซีเมนส์ ประเทศไทย
โดยประกาศให้คำมั่นสัญญาถึงการสนับสนุนโยบาย ไทยแลนด์ 4.0 ของประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการนำเทคโนโลยีสำหรับภาคอุตสาหกรรมการผลิตอาหารและเครื่องดื่ม เข้ามาช่วยโรงงานมีความคล่องตัวในกระบวนการผลิต มีความยืดหยุ่นและสามารถวางแผนล่วงหน้า เพื่อก้าวไปสู่การดำเนินงานที่ยั่งยืน ส่งผลให้สามารถแข่งขันในระดับนานาชาติได้

อเล็กซ์ เตียว กล่าวว่า “ในอุตสหากรรมการผลิตทั่วโลกนั้นกำลังเผชิญปัญหาต่าง ที่เป็นข้อจำกัดของกระบวนการผลิตแบบดั้งเดิม ไม่สามารถตอบสนองความต้องการใหม่ได้ เกิดเป็นความท้าทายสำคัญห้าประการ ประกอบด้วย หนึ่ง ความล่าช้าในการส่งมอบ กระบวนการผลิตแบบเดิมมักเผชิญกับความล่าช้าในการส่งมอบผลิตภัณฑ์”
“สอง ขาดความยืดหยุ่นในการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ กระบวนการเหล่านี้มีปัญหาในการบูรณาการเทคโนโลยีใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ สาม ปัญหาการขยายขนาดการผลิต สี่ ความยากลำบากในการปฏิบัติตามกฎระเบียบ การปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบใหม่ๆอาจเป็นเรื่องท้าทาย และห้า ความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์ กระบวนการแบบเดิมมีความเสี่ยงต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์”
“แม้ว่า 40% ของผู้ผลิตไทยรายใหญ่ได้เริ่มนำเทคโนโลยีมาใช้ โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญภายในปี 2569 การสำรวจโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยแสดงให้เห็นว่า ในปี 2564 ประมาณ 28% ของบริษัทได้นำเทคโนโลยีอุตสาหกรรม 4.0 มาใช้ในระดับหนึ่ง
“แต่มีเพียง 5% ของกระบวนการผลิตที่ใช้ระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ขณะที่ 61% ยังคงเป็นระบบแมนนวล และ 28% เป็นระบบอัตโนมัติบางส่วน”
การผลิตอัจฉริยะเป็นโอกาสของผู้ผลิตไทย
เตียว ให้ข้อมูลว่า “สำหรับผู้ผลิตในอุตสาหกรรมนั้น การก้าวสู่ระบบโรงงานหรือระบบการผลิตอัจฉริยะ จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในหลายๆ ประเด็น อาทิ สามารถลดเวลาในวงจรของโครงการใหม่ลงถึง 30%, การพัฒนาโรงงานดิจิทัลเต็มรูปแบบช่วยทำให้เกิดเวิร์กโฟลว์ทางวิศวกรรมที่มีประสิทธิภาพ”
“สามารถลดเวลาในกระบวนการการเริ่มดำเนินงาน, กระบวนการทดสอบการทำงานของระบบและอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงการทดลองเดินเครื่องของโรงงานลงถึง 50%, มีความแม่นยำสูงถึง 98% ในการจำลองการผลิตเทียบกับการผลิตจริง และสามารถเพิ่มผลิตผลการผลิตถึง 10-20% ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน”
“โดยที่ปัจจัยสำคัญ 3 ประการของการผลิตอัจฉริยะ ประกอบด้วย หนึ่งมีวิศวกรรมการผลิตที่คล่องตัว สองการผลิตที่ยืดหยุ่นและคาดการณ์ได้ และสามการดำเนินงานที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพสูง” เตียว กล่าว
เสนอโซลูชันที่สั่งตัดสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะ
ในการเข้ามาสนับสนุนและพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิต อาหารและเครื่องดื่มของไทยนั้น ซีเมนส์ ได้เสนอถึงโซลูชันต่างๆ จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ Siemens Xcelerator และเมื่อรวมเข้ากับความรู้เชิงลึกในอุตสาหกรรมของซีเมนส์ จะสามารถสร้างความได้เปรียบให้กับธุรกิจในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งประกอบด้วย
การจัดการข้อมูลตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ นำความเร็วและความคล่องตัวมาสู่กระบวนการความพร้อมทางเทคนิคโดยเปิดใช้งานการนำทรัพย์สินทางปัญญากลับมาใช้ใหม่และใช้เทมเพลตอัจฉริยะเพื่อขับเคลื่อนประสิทธิภาพของการดำเนินการ
การออกแบบผลิตภัณฑ์และกระบวนการอัจฉริยะ นำกระบวนการพัฒนาสหวิทยาการ (multi-discipline) ทั้งหมดมาสู่สภาพแวดล้อมเดียว และเปิดใช้งานการกำหนดและการตรวจสอบเฉพาะสำหรับสูตรตามความสามารถในการผลิต ซึ่งอาจเป็นไลน์เดียวสำหรับแบตช์เดียว
การจัดการสูตรระดับองค์กร ให้บริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคดำเนินการตามสูตรได้ทุกที่ทุกเวลา รวมศูนย์ความรู้การสร้างสูตรและเชื่อมโยงกับสินทรัพย์และความสามารถในการผลิต ช่วยตรวจสอบสูตรเสมือนในเวลาเพียงเสี้ยวหนึ่ง ลดเวลาในการทดลองและการตั้งค่า นี่เป็นโซลูชันสำคัญที่ช่วยให้บริษัทสามารถผลิตได้ทุกที่ในโลก ช่วยมองหาตัวเลือกการผลิตที่ดีที่สุด
การผลิตอัจฉริยะ ที่ประกอบด้วย
- Digital Twin ที่ครอบคลุมของสภาพแวดล้อมการผลิต ออกแบบด้วยความแม่นยำและตรวจสอบในโลกเสมือน อาจเป็นเครื่องจักร, หุ่นยนต์, สายการผลิต หรือ AGV (ยานพาหนะนำทางอัตโนมัติ) และทั้งหมดทำงานร่วมกันเพื่อสภาพแวดล้อมการผลิตที่ยืดหยุ่นและเป็นอัตโนมัติ การมองเห็น Digital Twin ของระบบการผลิตได้ตั้งแต่ขึ้นตอนการออกแบบของผลิตภัณฑ์ใหม่ช่วยขจัดการออกแบบใหม่เชิงระบบที่มักเกิดขึ้นในกระบวนการถ่ายทอดเทคโนโลยีในปัจจุบัน ประหยัดเวลาหลายเดือนของงานที่ไม่เพิ่มมูลค่า
- การดำเนินงานในโรงงานที่ยืดหยุ่นและเชื่อมต่อกัน เชื่อมโยงการออกแบบผลิตภัณฑ์กับการวางแผน การดำเนินการ และระบบอัตโนมัติในโรงงาน ในวิธีที่คล่องตัวที่เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการของผลิตภัณฑ์และการประกอบบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลายในเวลาจริง ในขณะเดียวกับที่จัดการต้นทุน เงินสด คุณภาพ และประสิทธิภาพการผลิต
การตรวจสอบย้อนกลับและข้อมูลเชิงลึกตลอดวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ ขยายการมองเห็นไปยังข้อมูลคุณภาพและความถูกต้องทั่วทั้งห่วงโซ่อุปทานที่ขยายออกไป พร้อมทั้งนำข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์และกระบวนการการผลิตมาไว้ที่ปลายนิ้วเพื่อให้สามารถปรับปรุงทั้งองค์กรในโลกดิจิทัลและโลกจริงได้อย่างต่อเนื่อง
โจเซฟ คอง หัวหน้าฝ่ายอุตสาหกรรมดิจิทัล ซีเมนส์ ประเทศไทย กล่าวว่า “ซีเมนส์ ขอให้คำมั่นสัญญาถึงการสนับสนุนนโยบาย ไทยแลนด์ 4.0 ของประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการนำเทคโนโลยีสำหรับภาคอุตสาหกรรมการผลิตอาหารและเครื่องดื่ม เข้ามาช่วยโรงงานมีความคล่องตัวในกระบวนการผลิต มีความยืดหยุ่นและสามารถวางแผนล่วงหน้า เพื่อก้าวไปสู่การดำเนินงานที่ยั่งยืน ส่งผลให้สามารถแข่งขันในระดับนานาชาติได้”