
“เก็บความรู้จากงานเสวนา KTC FIT Talk ครั้งที่ 20 รู้ทันภัยไซเบอร์: ปกป้องตัวตนและเงินในโลกดิจิทัล เพื่อชี้ให้เห็นทิศทางภัยไซเบอร์และแนวทางความร่วมมือเชิงรุกระหว่างภาครัฐ เอกชน และสังคมไทย ที่จะช่วยให้ ท่านมีความรู้เท่าทัน และการลงมือป้องกันได้ทันภัยร้าย
โลกดิจิทัลกำลังกลายเป็นสนามรบที่ไม่ปรากฏตัวตน ฝ่ายหนึ่งคือผู้บริโภคที่ใช้ชีวิตประจำวันผ่านมือถืออินเทอร์เน็ต และธุรกรรมออนไลน์ อีกฝ่ายคือเหล่าอาชญากรไซเบอร์ที่พร้อมประยุกต์เทคโนโลยีใหม่ๆ โดยเฉพาะ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการโจมตีที่ซับซ้อนและยากต่อการตรวจจับ
เพื่อรับมือกับความท้าทายนี้ เคทีซี (KTC) จับมือกับ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เปิดเวทีเสวนา KTC FIT Talk ครั้งที่ 20 รู้ทันภัยไซเบอร์: ปกป้องตัวตนและเงินในโลกดิจิทัล เพื่อชี้ให้เห็นทิศทางภัยไซเบอร์และแนวทางความร่วมมือเชิงรุกระหว่างภาครัฐ เอกชน และสังคมไทย
ภัยไซเบอร์ยุคใหม่ จากฟิชชิ่งสู่ Deepfake และ Agentic AI
พันตำรวจเอกสุริยศักดิ์ จิราวัสน์ จาก ปอท. ระบุว่า อาชญากรรมออนไลน์ในปัจจุบันไม่ได้หยุดอยู่ที่ “ฟิชชิ่ง” ผ่านอีเมลหรือ SMS อีกต่อไป แต่กำลังก้าวสู่การใช้ Deepfake ทั้งภาพ เสียง และวิดีโอ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือปลอมๆ จนประชาชนเข้าใจผิดว่าเป็นบุคคลใกล้ชิดหรือเจ้าหน้าที่รัฐ
เพราะยังเห็นสถิติยังสะท้อนแนวโน้มที่น่ากังวล คือ
- 70% ของเหยื่อเป็นคนวัยทำงานช่วงอายุ 25–40 ปี
- 60% ของผู้เสียหายเป็นผู้หญิง
- 80% ของช่องทางโจมตีเกิดบน โซเชียลมีเดีย
และสิ่งที่อันตรายยิ่งกว่า คือการปรากฏของ Agentic AI – AI ที่สามารถคิด วางแผน และลงมือโจมตีได้เองแบบเรียลไทม์ ยกตัวอย่างเช่น “Shop Smart Agent” ที่สามารถเปิดร้านค้าออนไลน์ปลอม ดักเก็บข้อมูลบัตรเครดิต และทำธุรกรรมโดยอัตโนมัติในหลายประเทศพร้อมกัน
นี่คือสัญญาณว่าอาชญากรรมไซเบอร์กำลังยกระดับอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ทำไม ความรู้ จึงสำคัญกว่ากฎหมายเพียงอย่างเดียว
แม้การปราบปรามและบังคับใช้กฎหมายจะมีความจำเป็น แต่ตำรวจยอมรับว่า “การป้องกันเชิงรุก” เป็นหัวใจสำคัญในการลดความสูญเสีย การแจ้งเตือนที่รวดเร็ว ชัดเจน และใช้ภาษาที่ประชาชนเข้าใจได้ง่าย คือเกราะป้องกันด่านแรกที่ช่วยให้คนไม่ตกเป็นเหยื่อ
เรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง แต่ทุกภาคส่วนจึงต้องร่วมกัน ตั้งแต่
- ภาครัฐ ผลักดันกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและอาชญากรรมไซเบอร์
- ธนาคารและสถาบันการเงิน แลกเปลี่ยนข้อมูล Fraud Trend ผ่านสมาคมธนาคารไทย
- เอกชนด้านเทคโนโลยี เช่น ผู้ให้บริการโทรคมนาคมและแพลตฟอร์มโซเชียล ต้องช่วยสกัดกั้นเบอร์และเว็บไซต์ปลอม
- สื่อมวลชน ทำหน้าที่เป็นแนวหน้าเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังอยู่ที่การ ขาดระบบกลางในการแลกเปลี่ยนข้อมูล และการตอบสนองที่ยังใช้เวลาประสานงานหลายฝ่าย
เคทีซีชี้ภัยการเงินเปลี่ยนโฉม ข้อมูลคือเป้าหมายใหม่
ไรวินทร์ วรวงษ์สถิตย์ ผู้บริหารเคทีซี อธิบายว่า ภัยการเงินในอดีตเน้น “ขโมยบัตร” หรือ “ดักข้อมูลบัตร” แต่ปัจจุบันเป้าหมายใหญ่คือ ข้อมูลส่วนบุคคล (Data Compromise)
เพราะจากตัวเลขล่าสุดที่น่าตกใจคือ
- 86% ของความเสียหายทางการเงินเกิดจากข้อมูลรั่วไหล
- ข้อมูลบัตรเครดิตมักถูกนำไปใช้ทำธุรกรรมในต่างประเทศ
- กลโกงดั้งเดิมอย่างคอลเซ็นเตอร์และ SMS ปลอมยังไม่หายไป แต่กลับผสมผสานกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มความแนบเนียน
โดยเฉพาะ รหัส OTP ที่กลายเป็น “กุญแจทอง” ของมิจฉาชีพ หากหลุดเพียงครั้งเดียวก็อาจทำให้เงินในบัญชีสูญหายได้ในพริบตา
วิธีป้องกันตัวเอง: เกราะดิจิทัลที่ทุกคนทำได้ทันที
เคทีซีแนะนำ 5 วิธีง่าย ๆ ที่ช่วยป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ:
- ห้ามเปิดเผย CVV และ OTP ไม่ว่ากับใคร
- ตั้งวงเงินจำกัด ผ่าน Mobile Banking
- เปิดแจ้งเตือนธุรกรรม ทุกครั้งที่มีการใช้บัตร
- ใช้ KTC Digital Card ที่มี Dynamic CVV สร้างรหัสเปลี่ยนใหม่อัตโนมัติทุกครั้ง
- หากเผลอกดลิงก์หรือกรอกข้อมูลแล้ว ต้องรีบ อายัดบัตรและเปลี่ยนรหัสผ่านทันที
และที่สำคัญที่สุด ธนาคารไม่มีวันส่งลิงก์ผ่าน SMS เพื่อให้กรอกข้อมูลส่วนตัว
จากความปลอดภัยสู่ความมั่นใจ: มาตรการ 24 ชั่วโมงของเคทีซี
เพื่อรับมือภัยไซเบอร์ เคทีซีลงทุนในระบบ ตรวจสอบธุรกรรมแบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง หากพบธุรกรรมเสี่ยง เจ้าหน้าที่จะโทรยืนยันกับลูกค้าทันที นอกจากนี้ ยังใช้สื่อโซเชียลและช่องทางออนไลน์ เช่น TikTok, Facebook, เว็บไซต์ และ LINE OA ในการสื่อสารความรู้และเตือนภัย
มาตรการเหล่านี้ได้รับการยืนยันในระดับภูมิภาค ผ่านรางวัล Champion Security Award จาก Visa ที่สะท้อนความเป็นผู้นำด้านความปลอดภัยการเงินดิจิทัล
เมื่อครอบครัวคือแนวป้องกันสำคัญของผู้สูงวัย
นพรัตน์ สุริยา ผู้บริหารฝ่ายป้องกันทุจริตบัตรเครดิตและร้านค้า เคทีซี เน้นว่า ผู้สูงอายุคือกลุ่มเปราะบางที่มิจฉาชีพเล็งเป้า ครอบครัวจึงควรมีบทบาทร่วมกัน โดยมีข้อแนะนำ 5 ประการ ประกอบด้วย
- พูดคุยให้คำแนะนำเรื่องความปลอดภัย
- ตรวจสอบ SMS หรือธุรกรรมเป็นประจำ
- ตั้งวงเงินจำกัดสำหรับการใช้บัตร
- ติดตั้งแอปฯ กรองเบอร์สแปม เช่น Whoscall
- อัปเดตข่าวสารภัยไซเบอร์ใหม่ๆ อยู่เสมอ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น ต้องรีบแจ้งไปที่ ศูนย์ AOC 1441 หรือ Anti Online Scam Operation Center เค้าเป็นหน่วยงานที่บูรณาการในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ให้บริการ one stop service แก่ประชาชน ดำเนินการ ระงับ อายัดบัญชี ได้ทันที รวมทั้งให้คำปรึกษาแก่ประชาชนเกี่ยวกับภัยออนไลน์
รวมถึงสายด่วนความปลอดภัย เคทีซีพร้อมช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง สมาชิกเคทีซีที่สงสัยว่าตกเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพ สามารถติดต่อได้ทันทีที่ KTC PHONE 02 123 5000 Line@KTC_Card หรือช่องทางออนไลน์ของเคทีซีทุกแพลตฟอร์ม
เพราะในโลกดิจิทัลที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง “ความรู้เท่าทัน + การลงมือป้องกัน” คือเกราะที่แข็งแรงที่สุด
Featured Image: freepik







