Friday, December 5, 2025
AIArticles

รู้ทันภัยไซเบอร์ในยุค AI เมื่อมิจฉาชีพฉลาดขึ้น เราต้องป้องกันให้เร็วกว่า

เก็บความรู้จากงานเสวนา KTC FIT Talk ครั้งที่ 20 รู้ทันภัยไซเบอร์: ปกป้องตัวตนและเงินในโลกดิจิทัล เพื่อชี้ให้เห็นทิศทางภัยไซเบอร์และแนวทางความร่วมมือเชิงรุกระหว่างภาครัฐ เอกชน และสังคมไทย ที่จะช่วยให้ ท่านมีความรู้เท่าทัน และการลงมือป้องกันได้ทันภัยร้าย

ลกดิจิทัลกำลังกลายเป็นสนามรบที่ไม่ปรากฏตัวตน ฝ่ายหนึ่งคือผู้บริโภคที่ใช้ชีวิตประจำวันผ่านมือถืออินเทอร์เน็ต และธุรกรรมออนไลน์ อีกฝ่ายคือเหล่าอาชญากรไซเบอร์ที่พร้อมประยุกต์เทคโนโลยีใหม่ๆ โดยเฉพาะ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการโจมตีที่ซับซ้อนและยากต่อการตรวจจับ

เพื่อรับมือกับความท้าทายนี้ เคทีซี (KTC) จับมือกับ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เปิดเวทีเสวนา KTC FIT Talk ครั้งที่ 20 รู้ทันภัยไซเบอร์: ปกป้องตัวตนและเงินในโลกดิจิทัล เพื่อชี้ให้เห็นทิศทางภัยไซเบอร์และแนวทางความร่วมมือเชิงรุกระหว่างภาครัฐ เอกชน และสังคมไทย

ภัยไซเบอร์ยุคใหม่ จากฟิชชิ่งสู่ Deepfake และ Agentic AI

พันตำรวจเอกสุริยศักดิ์ จิราวัสน์ จาก ปอท. ระบุว่า อาชญากรรมออนไลน์ในปัจจุบันไม่ได้หยุดอยู่ที่ “ฟิชชิ่ง” ผ่านอีเมลหรือ SMS อีกต่อไป แต่กำลังก้าวสู่การใช้ Deepfake ทั้งภาพ เสียง และวิดีโอ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือปลอมๆ จนประชาชนเข้าใจผิดว่าเป็นบุคคลใกล้ชิดหรือเจ้าหน้าที่รัฐ

เพราะยังเห็นสถิติยังสะท้อนแนวโน้มที่น่ากังวล คือ 

  • 70% ของเหยื่อเป็นคนวัยทำงานช่วงอายุ 25–40 ปี
  • 60% ของผู้เสียหายเป็นผู้หญิง
  • 80% ของช่องทางโจมตีเกิดบน โซเชียลมีเดีย

และสิ่งที่อันตรายยิ่งกว่า คือการปรากฏของ Agentic AI – AI ที่สามารถคิด วางแผน และลงมือโจมตีได้เองแบบเรียลไทม์ ยกตัวอย่างเช่น “Shop Smart Agent” ที่สามารถเปิดร้านค้าออนไลน์ปลอม ดักเก็บข้อมูลบัตรเครดิต และทำธุรกรรมโดยอัตโนมัติในหลายประเทศพร้อมกัน

นี่คือสัญญาณว่าอาชญากรรมไซเบอร์กำลังยกระดับอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ทำไม ความรู้ จึงสำคัญกว่ากฎหมายเพียงอย่างเดียว

แม้การปราบปรามและบังคับใช้กฎหมายจะมีความจำเป็น แต่ตำรวจยอมรับว่า “การป้องกันเชิงรุก” เป็นหัวใจสำคัญในการลดความสูญเสีย การแจ้งเตือนที่รวดเร็ว ชัดเจน และใช้ภาษาที่ประชาชนเข้าใจได้ง่าย คือเกราะป้องกันด่านแรกที่ช่วยให้คนไม่ตกเป็นเหยื่อ

เรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง แต่ทุกภาคส่วนจึงต้องร่วมกัน ตั้งแต่

  • ภาครัฐ ผลักดันกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและอาชญากรรมไซเบอร์
  • ธนาคารและสถาบันการเงิน แลกเปลี่ยนข้อมูล Fraud Trend ผ่านสมาคมธนาคารไทย
  • เอกชนด้านเทคโนโลยี เช่น ผู้ให้บริการโทรคมนาคมและแพลตฟอร์มโซเชียล ต้องช่วยสกัดกั้นเบอร์และเว็บไซต์ปลอม
  • สื่อมวลชน ทำหน้าที่เป็นแนวหน้าเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้อง

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังอยู่ที่การ ขาดระบบกลางในการแลกเปลี่ยนข้อมูล และการตอบสนองที่ยังใช้เวลาประสานงานหลายฝ่าย

เคทีซีชี้ภัยการเงินเปลี่ยนโฉม ข้อมูลคือเป้าหมายใหม่

ไรวินทร์ วรวงษ์สถิตย์ ผู้บริหารเคทีซี อธิบายว่า ภัยการเงินในอดีตเน้น “ขโมยบัตร” หรือ “ดักข้อมูลบัตร” แต่ปัจจุบันเป้าหมายใหญ่คือ ข้อมูลส่วนบุคคล (Data Compromise)

เพราะจากตัวเลขล่าสุดที่น่าตกใจคือ 

  • 86% ของความเสียหายทางการเงินเกิดจากข้อมูลรั่วไหล
  • ข้อมูลบัตรเครดิตมักถูกนำไปใช้ทำธุรกรรมในต่างประเทศ
  • กลโกงดั้งเดิมอย่างคอลเซ็นเตอร์และ SMS ปลอมยังไม่หายไป แต่กลับผสมผสานกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มความแนบเนียน

โดยเฉพาะ รหัส OTP ที่กลายเป็น “กุญแจทอง” ของมิจฉาชีพ หากหลุดเพียงครั้งเดียวก็อาจทำให้เงินในบัญชีสูญหายได้ในพริบตา

วิธีป้องกันตัวเอง: เกราะดิจิทัลที่ทุกคนทำได้ทันที

เคทีซีแนะนำ 5 วิธีง่าย ๆ ที่ช่วยป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ:

  1. ห้ามเปิดเผย CVV และ OTP ไม่ว่ากับใคร
  2. ตั้งวงเงินจำกัด ผ่าน Mobile Banking
  3. เปิดแจ้งเตือนธุรกรรม ทุกครั้งที่มีการใช้บัตร
  4. ใช้ KTC Digital Card ที่มี Dynamic CVV สร้างรหัสเปลี่ยนใหม่อัตโนมัติทุกครั้ง
  5. หากเผลอกดลิงก์หรือกรอกข้อมูลแล้ว ต้องรีบ อายัดบัตรและเปลี่ยนรหัสผ่านทันที

และที่สำคัญที่สุด ธนาคารไม่มีวันส่งลิงก์ผ่าน SMS เพื่อให้กรอกข้อมูลส่วนตัว

จากความปลอดภัยสู่ความมั่นใจ: มาตรการ 24 ชั่วโมงของเคทีซี

เพื่อรับมือภัยไซเบอร์ เคทีซีลงทุนในระบบ ตรวจสอบธุรกรรมแบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง หากพบธุรกรรมเสี่ยง เจ้าหน้าที่จะโทรยืนยันกับลูกค้าทันที นอกจากนี้ ยังใช้สื่อโซเชียลและช่องทางออนไลน์ เช่น TikTok, Facebook, เว็บไซต์ และ LINE OA ในการสื่อสารความรู้และเตือนภัย

มาตรการเหล่านี้ได้รับการยืนยันในระดับภูมิภาค ผ่านรางวัล Champion Security Award จาก Visa ที่สะท้อนความเป็นผู้นำด้านความปลอดภัยการเงินดิจิทัล

เมื่อครอบครัวคือแนวป้องกันสำคัญของผู้สูงวัย

นพรัตน์ สุริยา ผู้บริหารฝ่ายป้องกันทุจริตบัตรเครดิตและร้านค้า เคทีซี เน้นว่า ผู้สูงอายุคือกลุ่มเปราะบางที่มิจฉาชีพเล็งเป้า ครอบครัวจึงควรมีบทบาทร่วมกัน โดยมีข้อแนะนำ 5 ประการ ประกอบด้วย

  • พูดคุยให้คำแนะนำเรื่องความปลอดภัย
  • ตรวจสอบ SMS หรือธุรกรรมเป็นประจำ
  • ตั้งวงเงินจำกัดสำหรับการใช้บัตร
  • ติดตั้งแอปฯ กรองเบอร์สแปม เช่น Whoscall
  • อัปเดตข่าวสารภัยไซเบอร์ใหม่ๆ อยู่เสมอ

อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น ต้องรีบแจ้งไปที่ ศูนย์ AOC 1441 หรือ Anti Online Scam Operation Center เค้าเป็นหน่วยงานที่บูรณาการในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ให้บริการ one stop service แก่ประชาชน ดำเนินการ ระงับ อายัดบัญชี ได้ทันที รวมทั้งให้คำปรึกษาแก่ประชาชนเกี่ยวกับภัยออนไลน์

รวมถึงสายด่วนความปลอดภัย เคทีซีพร้อมช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง สมาชิกเคทีซีที่สงสัยว่าตกเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพ สามารถติดต่อได้ทันทีที่ KTC PHONE 02 123 5000 Line@KTC_Card หรือช่องทางออนไลน์ของเคทีซีทุกแพลตฟอร์ม

เพราะในโลกดิจิทัลที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง “ความรู้เท่าทัน + การลงมือป้องกัน” คือเกราะที่แข็งแรงที่สุด

Featured Image: freepik