
“AWS รายงานการใช้ AI ในไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว พบองค์กรธุรกิจ 6 แสนราย หรือ 32% ของธุรกิจทั้งประเทศที่นำ AI มาใช้แล้ว และมีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 17%
อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส เปิดเผยผลการศึกษา การใช้ AI ในไทย Unlocking Thailand’s AI Potential โดยเก็บข้อมูลจากผู้นำธุรกิจและประชาชนทั่วไป พบว่า แม้การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในไทยจะเติบโตต่อเนื่อง แต่เกิดช่องว่างที่กว้างขึ้นระหว่าง บริษัทสตาร์ทอัพและบริษัทขนาดใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจมานาน ในด้านการประยุกต์ใช้ AI
ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดเศรษฐกิจสองระดับ โดยสตาร์ทอัพที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีสามารถพัฒนานวัตกรรมได้เร็วกว่าและแซงหน้าธุรกิจดั้งเดิม
ผลการศึกษาพบ การใช้ AI ในไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีธุรกิจ 150,000 รายนำ AI มาใช้ในปี 2567 หรือเฉลี่ยเกือบทุก 3 นาทีจะมีธุรกิจใหม่นำ AI มาใช้
ปัจจุบันมีธุรกิจ 600,000 ราย หรือ 32% ของธุรกิจทั้งประเทศที่นำ AI มาใช้แล้ว เพิ่มขึ้น 33% จากปีก่อน
ด้านผลลัพธ์ทางธุรกิจ 67% ของธุรกิจที่ใช้ AI มีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 17% ในขณะที่ 78% คาดว่าจะสามารถประหยัดต้นทุนได้เฉลี่ย 17%
การใช้ AI ในธุรกิจไทยแพร่หลาย แต่ส่วนใหญ่ยังอยู่ในระดับพื้นฐาน
แม้การใช้ AI ในไทยจะแพร่หลายขึ้น แต่ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ในระดับก้าวหน้า สะท้อนถึงความจำเป็นในการพัฒนาการใช้ AI ให้ลึกซึ้งขึ้นเพื่อปลดล็อกศักยภาพของประเทศ
โดย 72% ของธุรกิจยังใช้ AI เพียงขั้นพื้นฐาน เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุงกระบวนการทำงาน มากกว่าการสร้างนวัตกรรมใหม่ มีเพียง 18% ที่ใช้ในระดับกลาง และ 10% ที่ผสาน AI เข้าเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การตัดสินใจ และโมเดลธุรกิจ
สตาร์ทอัพไทยมีความกระตือรือร้นและสร้างสรรค์ในการใช้ AI โดยนำ AI ขั้นสูงมาใช้เร็วกว่าบริษัทที่มีมานาน โดย 50% ของสตาร์ทอัพใช้ AI ในรูปแบบต่างๆ และ 40% กำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI อย่างเต็มศักยภาพ
ในขณะที่ บริษัทขนาดใหญ่แม้ 44% จะใช้ AI แต่มีเพียง 16% ที่สร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ด้วย AI และ 18% ที่มีกลยุทธ์ AI ครอบคลุม ส่วนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) 32% นำ AI มาใช้ แต่มีเพียง 9% ที่ใช้ในระดับก้าวหน้าที่สุด ช่องว่างด้านนวัตกรรม AI นี้อาจส่งผลสำคัญต่ออนาคตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย
ช่องว่างด้านทักษะ AI และความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบ เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการประยุกต์ใช้ AI ในวงกว้าง
ผลการศึกษาชี้ชัดว่า 47% ของธุรกิจในประเทศไทยระบุว่า การขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะด้าน AI เป็นอุปสรรคหลักในการนำ AI มาใช้หรือขยายการใช้งาน
แม้หลายธุรกิจจะมีความพร้อมทั้งด้านเทคโนโลยีและวิสัยทัศน์ แต่กลับประสบปัญหาในการสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถในการพัฒนาและประยุกต์ใช้ AI ให้เกิดผลในทางปฏิบัติ สถานการณ์นี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลกของประเทศไทยและเป็นข้อจำกัดต่อการพัฒนาศักยภาพทางเศรษฐกิจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ การคาดการณ์ระบุว่า 61% ของตำแหน่งงานในอนาคตจะต้องการทักษะด้าน AI ในขณะที่มีเพียง 29% ของธุรกิจเท่านั้นที่เชื่อว่าพนักงานปัจจุบันมีความพร้อมด้านทักษะดังกล่าว
เมื่อวิเคราะห์ผลกระทบเชิงบวกของกฎระเบียบใหม่ที่มีต่อภาคธุรกิจ พบว่า 49% ของธุรกิจคาดหวังว่ากฎระเบียบด้าน AI จะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในกลุ่มลูกค้า และ 39% เห็นว่าจะนำไปสู่การพัฒนากรอบการกำกับดูแลที่มีเสถียรภาพ
สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทย ภาคธุรกิจได้จัดสรรงบประมาณ 27% เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติตามกฎระเบียบ โดย 76% ของธุรกิจคาดการณ์ว่าค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในอีก 3 ปีข้างหน้า
แนวทางการพัฒนานวัตกรรม AI ในอนาคต
ผลการศึกษาได้นำเสนอแนวทางสำคัญ 3 ประการในการก้าวข้ามอุปสรรคและปลดล็อกศักยภาพของ AI ทั้งในบริษัทสตาร์ทอัพและองค์กรขนาดใหญ่ เพื่อป้องกันการเกิดเศรษฐกิจแบบแบ่งแยก ได้แก่
ประการแรก การลงทุนและสร้างโครงการพัฒนาทักษะดิจิทัลที่เฉพาะเจาะจงกับแต่ละอุตสาหกรรม เพื่อเสริมสร้างบุคลากรที่มีความสามารถด้านดิจิทัลในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและการเติบโตด้วย AI
ประการที่สอง การกำหนดกรอบกฎระเบียบที่ชัดเจน คาดการณ์ได้ และเอื้อต่อนวัตกรรมในประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการประยุกต์ใช้ AI อย่างลึกซึ้งในทุกภาคธุรกิจ
และ ประการที่สาม การเร่งขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลในภาครัฐ โดยเฉพาะในด้านสาธารณสุขและการศึกษา รวมถึงการใช้ระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเพื่อส่งเสริมนวัตกรรม เนื่องจาก 67% ของภาคธุรกิจระบุว่าจะมีแนวโน้มนำ AI มาใช้มากขึ้นหากภาครัฐเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลง
วัตสัน ถิรภัทรพงศ์ Country Manager ของ AWS ประเทศไทย กล่าวว่า “ธุรกิจในประเทศไทยมีความตื่นตัวและมุ่งมั่น อย่างมากในการพัฒนานวัตกรรมด้วยเทคโนโลยี AI โดยระดับการนำไปใช้ที่สูงสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของเศรษฐกิจไทย”
“อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดนี้ ชี้ให้เห็นว่ายังมีอุปสรรคสำคัญหลายประการ โดยเฉพาะในองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการพัฒนาการใช้งาน AI ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพื่อรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันของประเทศไทยบนเวทีด้าน AI ระดับโลก”
“ทั้งภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมจำเป็นต้องร่วมมือกันแก้ไขอุปสรรคที่ภาคธุรกิจกำลังเผชิญอยู่อย่างเป็นระบบ ทาง AWS ยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนการใช้งาน Generative AI อย่างแพร่หลาย ผ่านการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและโครงการพัฒนาทักษะบุคลากรอย่างต่อเนื่อง”
โดยในเดือนมกราคม 2568 AWS เปิดตัว Asia Pacific (Thailand) Region ด้วยเม็ดเงินลงทุน 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะสร้างงานเต็มเวลากว่า 11,000 ตำแหน่งต่อปี และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ GDP ของประเทศไทยถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์
และตั้งแต่ปี 2560_AWS ได้มุ่งพัฒนากำลังคนด้านดิจิทัลของประเทศไทยผ่านการฝึกอบรมด้านคลาวด์คอมพิวติ้งให้กับบุคลากรกว่า 100,000 คน ด้วยโครงการต่างๆ อาทิ AWS Skill Builder, AWS_Educate, AWS Academy และ AWS_re/Start รวมถึงโครงการในประเทศอย่าง Tech for Digital Future และ AWS Skills to Jobs Tech Alliance
นอกจากนี้ ยังร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา และผู้ประกอบการ ในการสร้างระบบนิเวศที่เชื่อมโยงทักษะสู่การจ้างงาน เพื่อเตรียมความพร้อมให้บุคลากรสำหรับเศรษฐกิจดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วย AI






