Saturday, December 20, 2025
NEWS

บราสเคม สยาม ได้ FastPass เดินหน้าเอทิลีนชีวภาพรายแรกเอเชีย

บราสเคม สยาม บริษัทร่วมทุนใน SCGC และ Braskem ได้รับเลือกจากบีโอไอเข้ามาตรการ Thailand FastPass เร่งเดินหน้าโครงการเอทิลีนชีวภาพรายแรกในเอเชีย  หนุนไทยสู่ฐานการผลิตยั่งยืนสู่ตลาดโลก

ราสเคม สยาม บริษัทร่วมทุนระหว่าง เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC ผู้นำธุรกิจพอลิเมอร์ครบวงจรเพื่อความยั่งยืน และบราสเคม ผู้นำด้านพลาสติกชีวภาพระดับโลกจากประเทศบราซิล เผยความคืบหน้าของโครงการเอทิลีนชีวภาพ โดยล่าสุด ได้รับคัดเลือกจากบีโอไอให้เป็นหนึ่งในโครงการนำร่องตามมาตรการ Thailand FastPass ซึ่งเป็นกลไกใหม่ที่ภาครัฐนำมาใช้เพื่อปลดล็อกอุปสรรคของโครงการลงทุนขนาดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ให้สามารถเดินหน้าลงทุนได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งคาดว่าโรงงานเอทิลีนชีวภาพจะแล้วเสร็จในปี 2571 พร้อมกำลังการผลิต 200,000 ตันต่อปี ผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นฐานการผลิตเอทิลีนชีวภาพรายแรกในเอเชีย รองรับความต้องการพลาสติกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทั่วโลก พร้อมเพิ่มมูลค่าการส่งออกให้กับประเทศ

ศักดิ์ชัย ปฏิภาณปรีชาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC และประธานกรรมการ บริษัทบราสเคม สยาม จำกัด เผยว่า “โครงการเอทิลีนชีวภาพถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ของไทยสู่ความยั่งยืน ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดเอเชียและยุโรป ตลอดจนส่งเสริมการส่งออก ช่วยหนุนอุตสาหกรรมเอทานอล และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตทางการเกษตรไทยอย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากภาครัฐเป็นอย่างดีมาโดยตลอด เช่น การพิจารณาอนุมัติให้จัดตั้งโรงงานเป็นเขตปลอดอากรประเภทอุตสาหกรรม หรือ Industrial Free Zone การได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ (BOI) เป็นต้น ส่งผลให้โครงการมีความคืบหน้าตามลำดับ นอกจากนี้ การที่บริษัทฯ ได้รับคัดเลือกจากบีโอไอตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม. เศรษฐกิจ) ให้เป็นโครงการนำร่องในมาตรการ Thailand FastPass จะยิ่งช่วยเพิ่มความรวดเร็วและความคล่องตัวในการดำเนินโครงการให้ดียิ่งขึ้น”

ศักดิ์ชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า “ปัจจุบันบราสเคม สยาม เตรียมเข้าสู่ขั้นตอนสรุปรูปแบบการก่อสร้างโรงงาน (Engineering, Procurement and Construction : EPC) ในไตรมาส 1 ปี 2569 และคาดว่าจะได้รับการอนุมัติการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (Final Investment Decision – FID) ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2569 หากขั้นตอนต่าง ๆ ลุล่วงตามแผน คาดว่าโรงงานจะแล้วเสร็จในปี 2571 ซึ่งถือเป็นโรงงานแห่งแรกนอกประเทศบราซิล ด้วยกำลังการผลิตเอทิลีนชีวภาพ 200,000 ตันต่อปี เพื่อผลิตเป็นเม็ดพลาสติกชีวภาพภายใต้แบรนด์ “I’m green™”

“เอทิลีนชีวภาพผลิตจากเอทานอลที่ใช้ผลิตผลจากภาคเกษตรแทนเอทิลีนจากฟอสซิล ถือเป็นโซลูชันที่มีปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นลบ (Negative Carbon Footprint) ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิในบรรยากาศได้ถึง 1 ล้านตันต่อปี อีกทั้งสามารถรีไซเคิลได้เช่นเดียวกับพลาสติกทั่วไป สามารถนำไปผลิตบรรจุภัณฑ์และสินค้าในชีวิตประจำวันหลากหลายประเภท จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ผู้ผลิต เจ้าของแบรนด์ และผู้บริโภคที่มองหาโซลูชันเพื่อความยั่งยืน และเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมายการด้าน ESG ของ SCGC ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 700,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ภายในปี 2573 เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593” ศักดิ์ชัย กล่าวทิ้งท้าย